วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

สังขาร และสังคม


อรุณสวัสดิ์ยามเช้าด้วยแสงทองส่องฟ้าสว่างไหวไปทั่วเลยนะค่ะวันนี้ เช้านี้เป็นเช้าที่ พระอาทิตย์ตื่นแต่เช้ามืดเลยค่ะ ส่องประกายบอกพวกเรากันว่า วันนี้นะอากาศจะร้อนมากๆแน่นอนเลยค่ะ เมื่อวันเป็นวันหยุดวันแรงงานต่อเนื่อง ตัวผู้เขียนได้มีโอกาสหยุดพักกับอยู่ครอบครัวและได้มีเวลาว่างคิดถึง เรื่องของคนที่สูงอายุขึ้นมาว่า ทำไมเมื่อคนเราอายุมากขึ้นๆ การเปลี่ยนแปลงในร่างกายของคนเราถึงได้เปลี่ยนแปลงไปมากมาย เช่นนี้ ฉันยังจดจำภาพเก่าของคุณแม่ตอนสมัยฉันเป็นรุ่นๆได้ว่าท่านเป็นผู้หญิงที่สวยมากตอนเป็นสาวๆ เหมือนสาวอินเดียไว้ผมยาว ตากลมโตเหมือนลูกแขกที่เขาเรียกกันนะค่ะ แต่สิ่งหนึ่งที่คุณแม่ท่านไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยคือ น้ำหนักของท่าน ท่านเป็นคนที่ค่อนข้างจะดูแลร่างกายของท่านเป็นอย่างดีมากๆ ในการอาหารการกิน ท่านบอกว่าน้ำหนักของท่าน 52 กิโลมาตั้งแต่สาวๆแล้ว นะวันนี้ท่านอายุ 73ปีแล้ว ท่านก็ยังคงรักษาสุขภาพร่างกาย

และน้ำหนักเท่าเดิม เพราะท่านไม่คิดทานอะไรตามใจปากอย่างเราๆ คุณแม่ของฉันจะทานข้าววันละ 1 ครั้ง นอกนั้นท่านจะเน้นหนักไปทางผลไม้มากที่สุด และออกกำลังเบาๆ ทำงานบ้านเล็กๆน้อย ตามประสาคนโบราณที่สอนลูกหลานไม่ให้อยู่นิ่งเฉย คุณผู้อ่านค่ะเชื่อหรือไม่ว่า คนสมัยก่อนทำไมถึงมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงปลอดโรคภัยไข้เจ็บที่รุนแรง และทำไมคนสมัยก่อนถึงไม่ได้เป็นโรคแปลกๆเหมือนคนสมัยนี้อย่างที่ๆเราเห็นกัน เพราะความเจริญทำให้สังคมเปลี่ยนไป ทำให้วิวัฒนาการโตขึ้นทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เราเคยสังเกตหรือไม่ค่ะว่าทำไม คนสมัยเก่าที่ปลูกฝังจิตวิญญาณให้กับลูกหลานจริงๆ ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งบางครอบครัวยังยึดติดกับวัฒนธรรมประเพณีเก่าแก่ดั่งเดิม มันขึ้นอยู่ที่ครอบครัวนั้นๆจะปลูกฝังจิตสำนึกและอบรมมาอย่างไรบ้าง ตัวผู้เขียนเชื่อค่ะว่าเป็นเช่นนั้น ซึ่งนะปัจจุบันนี้ สังคมเราเริ่มที่จะหวนกลับไปหาวัฒนธรรมเก่าแก่กันบ้างแล้วนะค่ะ อย่างเช่น การทำบุญปัจจุบันจะเริ่มมองเห็นคนรุ่นใหม่เริ่มเข้าวัดมากขึ้น บำเพ็ญประโยชน์ สร้างความดีงาม และแบ่งปันความดีงามกันมากขึ้น อย่างเช่นเมื่อวานนี้ ตัวผู้เขียนได้นำรถไปเข้าศูนย์ และได้มีโอกาสพบน้องที่บริการคนนี้อีก ตัวผุ้เขียนจำได้ว่าเมื่อหลายเดือนที่แล้ว ได้มีโอกาสพูดคุยกับน้องคนนี้เรื่อง การทำความดี เขามีปัญหาหลายๆอย่าง และตัวผู้เขียนได้มีโอกาสให้คำแนะนำ และสอนเข้าในเรื่องการทำความดี ไม่คิดนะค่ะว่าเด็กรุ่นใหม่อย่างน้องผู้ชายคนนี้จะมีความคิดที่ดี มีมุมมองที่ยังยึดหลักพระธรรมคำสั่งสอนขององค์พระศาสดาอยู่ และเมื่อวานก็ได้มีโอกาสพบกัน เขาจำฉันได้และเราก็ได้สนทนากันเรื่องการไปทำบุญ และบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสาธารณชนอีก ตัวผู้เขียนได้มีโอกาสบอกเขาบางประโยคว่า การทำบูญหรือให้ทาน อย่าให้ความคิดว่าเราทำแล้วเราจะได้อะไรเป็นผลตอบแทนนะ เพราะเราจะไม่ได้บุญนั้นเลย เพราะเราคิดไปว่าทำบุญแล้วจะต้องได้รับส่งที่ดีงามกลับมา ให้เขาคิดว่าเราทำบุญเพื่อให้จิตใจเราสงบ ทำให้เกิดปัญญา และสมาธิ และจงคิดถึงแต่สิ่งที่ดีๆที่เราได้กระทำลงไปเท่านั้นก็พอเพียงแล้ว คุณควรจำไว้ว่าการทำบุญทำทานและสิ่งที่ดีงามก็พอแล้ว น้องผู้ชายคนนั้นก็ดีขึ้นเพราะ เขาไปเห็นการทำบุญในรูปของธุรกิจมากเกินไป สังคมทุกวันนี้เสื่อมถอยเพราะมีธุรกิจเข้ามามาก ปะปนไปทั่วทุกแห่ง เลยทำให้สังคมเปลี่ยนแปลง วัฒนธรรมดีงามเปลี่ยนไป จิตใจของมนุษย์ก็เปลี่ยนไป ปุถุชนอย่างเราควรที่จะจรรโลงสิ่งเหล่านี้กันไว้คู่กับชาวพุทธกัน ฉันได้มีโอกาสเห็นพระสงฆ์ที่อยู่ต่างจังหวัด ท่านมีจิตใจที่ดีงามและเสียสละ และบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสาธารณชนและเด็กมากมายจริงๆ
เท่าที่ตัวผู้เขียนได้สัมผัสมา พระสงฆ์ที่อยู่ต่างจังหวัดส่วนใหญ่จะสละทุกสิ่งทุกอย่างเพราะศาสนาของเราล้วนแล้วแต่สร้างความดีงามกันมากในสังคมต่างจังหวัด ฉันเลยมีความคิดว่าทำไมเด็กรุ่นใหม่ๆถึงได้ชอบไปทำบุญต่างจังหวัดกันมากขึ้นและส่วนกันจรรโลงสิ่งทีดีงามกันไว้ เดี่ยวนี้เราจะเห็นว่าเด็กรุ่นใหม่เริ่มจรรโลงการทำความดีมากขึ้น โดยจะช่วยกันสร้างและให้ความช่วยเหลือ ตั้งเป็นชมรม โครงการนั้นโครงการนี้กันมากขึ้นและช่วยกันขยายเผยแพร่ความดีงามไปทั่วกันมากขึ้น ตัวผู้เขียนรู้สึกปลื้มมากนะค่ะที่เด็กรุ่นใหม่บางกลุ่มเริ่มมองเห็นขนบธรรมเนียนประเพณีมากขึ้นและบำเพ็ญประโยชน์ แบ่งปันเพื่อผู้อื่นมากขึ้น ตัวผู้เขียนคิดว่าหากเราในสังคมช่วยกันคนละเล็กคนละน้อย ปัญหาต่างๆมันก็คงจะเกิดขึ้นน้อยลง และบ้านเมืองเราที่เคยแย่ลงในด้านวัฒนธรรมเราคนไทยคงได้สิ่งที่ดีงามกับมาบ้างไม่มากก็น้อยนะค่ะ ตัวผู้เขียนอยากเห็นคนไทยรักกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น