ตัวผู้เขียนได้มีโอกาสคุยกับรุ่นพี่ผู้ชาย2คนเธอเป็นรุ่นพี่สมัยเรียนหนังสือไม่ได้พบกันนานมากๆค่ะ บังเอิญโทรมาหาผู้เขียนและเล่าเรื่องชีวิตครอบครัวให้ฟัง มันทำให้ตัวผู้เขียนเกิดความคิดและสงสัยทำไมถึงเป็นเช่นนั้นว่า ทำไมชีวิตการมีครอบครัวในสมัยปัจจุบัน รอบชีวิตของตัวผู้เขียนเองนะค่ะ ที่ได้สัมผัสและรับรู้ พอที่จะหาข้อมูลและผลสรุปได้คร่าวๆกันนะค่ะ เลยคิดว่าสิ่งเหล่านี้ควรจะเก็บมาเป็นข้อมูลเพ่อแบ่งปันให้ทุกๆคนได้อ่านและวิเคราะห์ตามกันไปว่าจริงเพียงใดนะค่ะ จากผลสำรวจและข้อสรุปจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง การใช้ชีวิตครอบครัวในสมัยนี้ ขาดความอดทน และที่สำคัญทุกชีวิตไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย หรือผู้หญิง หากถูกกดดันทางความคิดความรู้สึก ทางออกคืออิสระแห่งตัวตนที่สมบูรณ์ ทุกๆชีวิตไม่ว่าจะมีครอบครัวโดยเริ่มจากความรัก หรือเหตุผลใดๆก็ตาม สุดท้ายเมื่อเกิดปัญหา ทุกคนจะเรียกร้องหา อิสระภาพกันแทบทุกคน
มันน่าแปลกนะค่ะ และจากการที่เราได้เห็นจากตัวผู้เขียนเอง หรือจะเป็นคนรอบข้างๆ เพื่อนๆ และกระทั่งสังคมที่มีข่าวคราวกัน ส่วนใหญ่แล้วบทสรุปคือ อิสระภาพ แต่ข้อสำคัญจะเป็นช่วงชีวิตระยะหัวต่อนะค่ะ สิ่งที่ตัวผู้เขียนได้รับข้อมูลที่ค่อนข้างแปลกคือจะมีช่วงอายุของคนในวัยนี้ที่กำลังแสวงหามันกลับคืนมาอีกครั้งจากการสัมผัสความรูสึกของรุ่นพี่ที่ได้เล่าให้ฟังทั้งสอง ท่านมีความรู้สึกที่ต้องการหาใครสักคนดูแลท่านเมื่อยามแก่ ต้องการให้ชีวิตกลับคืนมาในการมีคน2คนอยู่ร่วมกันด้วยความเข้าใจกัน สิ่งที่สำคัญในชีวิตของท่านทั้ง2ก็คือ ใครสักคนที่เข้าใจกันและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขยามแก่เฒ่า ตัวผู้เขียนก็เคยอ่านบทความในข่าวนะค่ะที่ นายทหารชั้นผู้ใหญ่อายุเกือบ 80 ฝ่ายหญิง 70กว่า แต่งงาน ดูช่างโรแมนติคมากๆ
คือชีวิตเขาไม่ได้สนใจในสมบัติ แต่เขาทั้งสองมีความสุขตามธรรมชาติ ใช้ชีวิตเรียบง่าย พูดคุยกันแบบสบายอกสบายใจ น่ารักค่ะ นี้คือที่มาว่าทำไม คนที่เคยเรียกร้องอิสระภาพ กลับมีความคิดเมื่อถึงช่วงชีวิตหนึ่งต้องการ มีชีวตคู่ที่แสนอบอุ่นกันอีกครั้ง อย่างรุ่นพี่ของตัวผู้เขียนเอง 10กว่าปีที่ท่านทั้ง2 มีอิสระภาพ มานาน ทำไมนะวันนี้ถึงอยากเรียกร้องชีวิตคู่กลับคืนมา ทำไมถึงไม่หวลกลับย้อนอดีตกันไปว่าแล้วตอนนั้นพวกท่านทำเช่นนั้นไปทำไมกัน ตัวผู้เขียนก็สรุปบทเรียนที่มีค่าแห่งช่วงชีวิตคู่ไว้หลายหัวข้อนะค่ะมันคือต้นเหตุแห่งการสูญเสียของการใช้ชีวิตคู่หลังแต่งงาน
1.เกิดจากการเริ่มไม่เข้าใจกันมากขึ้น ไม่ยอมกันและกัน
2.เกิดจากสภาวะสิ่งแวดล้อม การออกสังคม
3.เกิดจากอารมณ์ที่ถูกกดดันหลายๆด้าน เช่น ทางจิตใจ
4.เกิดจากปัจจัยไม่เพียงพอต่อครอบครัว
5.เกิดจากการใช้ชีวิตทางธรรมชาติไม่ตรงกัน
6.ข้อสำคัญที่สุดคือ ความอดทน และสิ่งที่ตามมาคือ อิสระภาพ
ตัวผู้เขียนไม่โทษว่าใครผิด ระหว่าง ผู้หญิง และ ผู้ชาย เพราะแต่ละชีวิต ของตัวบุคคลนิสัยไม่เหมือนกัน
แต่หากให้ย้อนกลับไปมองมุมคนที่ใช้ชีวิตคู่อย่างราบรื่น และไม่มีการเรียกร้องหาอิสระภาพแล้ว เท่าที่เราเห็นรุ่น คุณปู่คุณย่า คุณตา คุณยาย คุณพ่อ คุณแม่ ท่านทั้งหลายมีความอดทนสูงมากๆ และผลแห่งบั้นปลายชีวิตท่านก็ผ่านมาด้วยดี เท่าที่เราเห็นกัน คนสมัยอย่างท่านและรวมถึงตัวผู้เขียนเองด้วยนะค่ะที่หากมีปัญหาชีวิตคู่ที่ต้องการอิสระภาพมาก่อนหน้านี้ ณ วันนี้คงมีความรู้สึกเช่นเดียวกันกับรุ่นพี่ ที่ผู้เขียนกล่าวถึงกันนะค่ะ และพวกเราก็จะย้อนถามตัวเองว่า แล้วที่ผ่านมาเราทำอะไรไป กับใคร ที่ต้องทำให้เขาสูญเสียด้วยความบริสุทธิ์และไม่ได้รับรู้เรื่องราวด้วยใช่ไหมค่ะ
เขาบริสุทธิ์จนบางครั้งเรามานั่งนึกถึงอดีตว่าเราทำอะไรลงไป เพื่อความอดทนเพื่อเจ้าตัวน้อยไม่ได้เลยหรือ หรือฉันต้องเป็นฝ่ายชนะ เป็นแม่พระ พ่อพระที่ต้องเสียสละ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นความคิดของเราเพียงคนเดียว แต่ในอีกมุมหนึ่ง การมีอิสระภาพและอยู่คนเดียวนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด อยู่กับครอบครัว คุณพ่อคุณแม่ท่านแก่เฒ่า ท่านก็เหมือนเราต้องการคนดูแล หากชีวิตอิสระทำให้ชีวิตของคนดีขึ้น คงไม่ต้องบอกกันนะค่ะว่ามันดีเช่นไร อย่าโหยหาชีวิตนั้นกับมากันเลยนะค่ะ คิดว่ามันก็คงไม่ต่างกับเมื่อเราเริ่มต้นกันสักเท่าไหร่เหมือนที่เขาว่ากันว่า การแต่งงานมีชีวตคู่ที่ดี นั้มันขึ้นอยู่กับบุญและกรรมที่เราทำกันมาแต่ละชาติเท่านั้นเอง หรือภาษาชาวบ้านเขาว่า เหมือนถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 ถ้าเราได้ชีวิตคู่ที่มีความสุขและยั่งยืนจนตลอดชีวิตนะค่ะ หากเป็นตัวผู้เขียนนะวันนี้ ยินดีมากกว่าค่ะที่เราได้อิสระภาพนั้นคืนมา และอยู่ดูแลเจ้าตัวน้อยด้วยตัวของเราเอง อย่าจงไปคิดนะค่ะว่าเราไม่สมบูรณ์ หากเราอยู่ด้วยความสุขและสมบูรณ์แล้ว มีเขาน่ารักและดี จงภูมิใจและพอเพียงกับสิ่งนั้นดีกว่า มันเป็นความสุขที่ยั่งยืนจริงๆนะค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น