ตัวไรฝุ่น
ตัวไรฝุ่นทำให้เกิดโรคภูมิแพ้อย่างไร
คนที่แพ้ไรฝุ่น หมายถึง คนที่มีปฎิกิริยาต่อโปรตีนในตัวและในมูลของไรฝุ่น ภูมิแพ้ไรฝุ่นคือ ปฎิกิริยาที่ไวต่อโปรตีนของตัวไรฝุ่นที่ตายแล้ว โปรตีนดังกล่าวจะมีผลเสียต่อทางเดินหายใจทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจอักเสบรุนแรงและโรคหอบหืด และยังทำให้คนที่มีแนวโน้มจะเป็นโรคผิวหนังอักเสบมีอาการของโรคมากขึ้น
ตัวไรฝุ่น
คือ อะไร
ตัวไรฝุ่น
คือ สัตว์ที่มีขนาดเล็กมาจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
เป็นสัตว์จำพวกแมลงแต่มีลักษณะคล้ายกับแมงมุม เห็บ หมัด และ มีขา 8 ขา
ชอบอาศัยอยู่ในบ้านของเรา ขนาดของไรฝุ่นจะวัดได้ 1 ส่วน
100
ของความยาวที่เป็นนิ้ว ซึ่งเทียบแล้วคือเล็กกว่าปากกาที่จุดลงบนกระดาษ
อาหารของตัวไรฝุ่น
คือ เซลล์ผิวหนังของคนและสัตว์เลี้ยงที่หลุดลอกออกมา
ผิวหนังของคนนั้นโดยทั่วไปจะหลุดลอกวันละประมาณ 1.5 กรัม
ซึ่งเป็นปริมาณที่มากพอที่จะเลี้ยงตัวไรฝุ่นให้เจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี
นอกจากอาหารที่ได้จากคน ไรฝุ่นยังอาศัยพวกใยผ้าและขนสัตว์กินเป็นอาหารได้ด้วย
ตัวไรฝุ่นไม่มีตาที่มองเห็น
และไม่มีระบบหายใจ ตัวไรฝุ่นชอบอยู่ในที่อุ่น ชื้น และเต็มไปด้วยฝุ่นละออง
อุปกรณ์การนอน เช่น หมอนหนุน ที่นอน พรม และเฟอร์นิเจอร์ผ้า
เป็นสถานที่ที่ดีอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวไรฝุ่น
ตัวไรฝุ่นจะปล่อยมูลของเสียของมันออกมาประมาณวันละ 20 ก้อน
และสภาพแวดล้อมที่เหมาะต่อการสืบพันธุ์ของพวกมัน คือ ที่นอนที่มีความอบอุ่น ชื้น
และมืดของเรานั่นเอง ไรฝุ่นเพศเมียจะวางไข่วันละ 60-100 ฟอง
ตัวไรฝุ่นเล็กๆกับหยดน้ำ
พบเจอตัวไรฝุ่นง่ายๆ
ได้ที่ไหนบ้าง
ที่ไหนที่มีคนและสัตว์
มีความอุ่น มีอุณหภูมิความชื้นพอเหมาะที่ระดับ 60 % ที่นั่นคือที่อยู่อาศัยของไรฝุ่น
ตัวไรฝุ่นชอบอยู่ในที่ที่ดังต่อไปนี้เป็นที่สุด กล่าวคือ ที่นอน
เฟอร์นิเจอร์ทำจากวัสดุเส้นใยผ้า พรมปูห้อง พรมปูพื้น ผ้านวม หมอน
ตุ๊กตาของเล่นที่ทำจากผ้า และทุกอย่างที่มีเส้นใยผ้ามาเกี่ยวข้องด้วย
โดยเฉลี่ยแล้ว
เตียงนอน 1 เตียง สามารถเลี้ยงดูตัวไรฝุ่นได้หลายล้านตัว
พวกเราใช้เวลานอนบนที่นอนกันประมาณ 8 ชั่วโมงต่อวัน
ซึ่งผิวของเราได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดและยาวนานกับมูลของไรฝุ่นที่มีสารทำให้เกิดภูมิแพ้
มีรายงานเกี่ยวกับตัวไรฝุ่นทั่วโลก
ซึ่งสายพันธุ์จำนวน 13 สายพันธุ์เป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย ไรฝุ่นมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ
30 วัน และตัวเมียวางไข่วันละ 1 ฟอง
จำนวนของตัวไรฝุ่นจะเพิ่มมากที่สุดในช่วงฤดูร้อนในสภาพอากาศที่ร้อนชื้นและลดจำนวนลงเหลือน้อยที่สุดในช่วงฤดูหนาว
ตัวไรฝุ่นก็เหมือนกับสัตว์ที่เป็นพาหะของโรค
จะแพร่กระจายอย่างดีในสภาพบ้านที่อากาศถ่ายเทไม่ดีและตัวไรฝุ่นก็อาจจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ใหญ่ขาดงาน
เด็กๆ ขาดเรียน เนื่องจากแพ้มูลของมัน ทำให้เกิดอาการจามอย่างหนัก
เกิดปฎิกิริยากระตุ้นภูมิแพ้ มีการคันตามผิวหนัง น้ำตาไหล ไอ เวียนศีรษะ หมดแรง
หายใจไม่สะดวก และมีปัญหาระบบย่อยอาหาร
ตัวไรฝุ่นที่ตายจะมีจำนวนโปรตีนจำนวนมาก
เมื่อเราสูดลมหายใจหรือผิวหนังของเราสัมผัสกับตัวไรฝุ่นที่ตาย
ร่างกายของเราก็จะสร้างภูมิต้านทาน (antibodies) ขึ้นมา
ภูมิต้านทานนี้จะปล่อยสารเคมีที่เรียกว่า ฮีสตามีน
ซึ่งทำให้เกิดการบวมและการระคายเคืองของทางเดินหายใจตอนต้น
นั่นก็คืออาการของโรคทางเดินหายใจอักเสบและโรคหอบหืด
และภูมิแพ้นี้ยังสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้อีกด้วย
สารก่อภูมิแพ้ของไรฝุ่นอาจเป็นสาเหตุของโรคต่อไปนี้
โรคทางเดินหายใจอักเสบตลอดปี
โรคตาอักเสบ (ตาระคายเคือง)
โรคจมูกอักเสบ (น้ำมูกไหลและมีการจาม)
โรคหอบหืด
(ไอและมีปัญหาระบบทางเดินหายใจ) , โรคหอบหืดในระยะต่อไป
โรคผิวหนังอักเสบ
(ปัญหาเกี่ยวกับผิวหนัง เช่น มีผื่นแดงและคัน)
โรคปวดศีรษะ
โรคผื่นคัน
การควบคุมตัวไรฝุ่นในห้องนอน
คนเราใช้เวลาอยู่ในห้องนอนมากกว่าสถานที่อื่นๆ
สำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ไรฝุ่นนั้นเป็นเรื่อง
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาวิธีการลดฝุ่นในห้องนอนลง
ทั้งนี้ตัวไรฝุ่นจะเติบโตได้อย่างดีในที่นอน หมอน และเครื่องนอนที่ใช้อยู่
ต่อไปนี้เป็นวิธีการที่ได้ผลในการลดไรฝุ่นในห้องนอน :
ใช้วัสดุที่เป็นไม้ปูพื้น
และยกเฟอร์นิเจอร์ที่ทำด้วยผ้าออกไป
คลุมที่นอน หมอน ด้วยผ้าคลุมพลาสติก
(หรือผ้าคลุมป้องกันไรฝุ่น)
ซักผ้าปูที่นอนและผ้าห่มทุกๆ 2-4
สัปดาห์ในน้ำร้อน
เช็ดทำความสะอาดบานเกล็ดม่าน
และถูพื้นด้วยผ้าชื้นทุกๆ สัปดาห์
นำของเล่น สมุดหนังสือ
และสัตว์สตั๊ฟออกนอกห้อง
การควบคุมตัวไรฝุ่นในบ้าน
พยายามลดความชื้นในบ้าน
ซักเครื่องนอนด้วยน้ำร้อน
จัดเตียงในช่วงสายของวันและเปิดหน้าต่างให้อากาศผ่านเข้ามา
คลุมที่นอนและหมอนด้วยวัสดุที่มีรูของใยผ้าขนาดเล็กกว่าไรฝุ่นเพื่อป้องกันตัวไรฝุ่น
พยายามกำจัดไอน้ำที่เกิดจากการอาบน้ำและการทำอาหารโดยการเปิดหน้าต่างให้ลมเข้าถ้าเป็นไปได้
เปิดหน้าต่างในขณะที่ทำความสะอาดเพื่อให้สารก่อภูมิแพ้ต่างๆ
ถูกลมพัดออกไป
อย่านำถุงเก็บฝุ่นกลับมาใช้อีกครั้ง
และถ้าเป็นไปได้ให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีถุงกรองฝุ่นอย่างดี
ของเล่นต่างๆ
หรือของชิ้นเล็กควรจะนำไปแช่ไว้ในตู้เย็นหรืออบร้อนในเครื่องอบผ้าเพื่อฆ่าตัวไรฝุ่น
ตัวไรฝุ่นไม่ชอบแสงอาทิตย์
ดังนั้นปล่อยให้อากาศเข้าบ้านและเอาพรมหรือผ้าห่มไปตากแดดบ้างในวันที่แดดออก
วิธีง่ายๆ
ที่ได้ผลในการหลีกเลี่ยงตัวไรฝุ่น
ใช้ผ้าที่ทออย่างแน่นคลุมเครื่องนอน
ผ้าชนิดนี้ทำจากเส้นใยธรรมชาติ
หรือการผสมผสานกันระหว่างเส้นใยธรรมชาติและเส้นใยสังเคราะห์
เส้นใยที่ทออย่างแน่นนี้จะมีช่องระหว่างเส้นใยเล็กมากจนตัวไรฝุ่นและมูลของมันไม่สามารถผ่านเข้าไปในที่นอนได้
มีแต่อากาศเท่านั้นที่ยังผ่านได้ปกติซึ่งจะทำให้ผู้ที่นอนเกิดความรู้สึกสบายตัว
ใช้วัสดุสังเคราะห์
เช่น การใช้วัสดุอย่างเช่น โพลีพร็อพพีลีนที่ทอเป็นเส้นใย 3
ชั้นที่พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพและให้ความสบาย
วัสดุเหล่านี้จะทำหน้าที่เหมือนกับตาข่ายที่ดักจับตัวไรฝุ่นและมูลของมัน
อีกทั้งยังระบายลมและความชื้นได้ดี
วัสดุประเภทเคลือบไวนิล/ยูรีเทน
หรือเคลือบสารอื่นๆ วัสดุเหล่านี้เป็นจำพวกที่อากาศไม่สามารถระบายได้
ถึงแม้จะกันไม่ให้ตัวไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ผ่านเข้าสู่ที่นอนได้
แต่ก็จะทำให้ผิวของเราเกิดความร้อน เหนียวเหนอะ และนอนไม่สะดวกสบาย
เนื่องจากความชื้นบนผิวร่างกายเราไม่อาจซึมผ่านวัสดุได้
วัสดุที่เคลือบด้วยไวนิลหรือยูรีเทนอาจจะทำให้เกิดกลิ่นหรือปล่อยสารเคมีสู่อากาศได้
โรคแพ้อากาศ
แท้ที่จริงแล้วต้องเรียกว่า "โพรงจมูกอักเสบจากการแพ้" ถึงจะเหมาะสม
กว่าใช้คำว่า แพ้อากาศ ซึ่งไม่ตรงความหมาย เนื่องจากอากาศเป็นก๊าซต่างๆ
ในธรรมชาติที่รวมตัวกันอยู่และไม่มีปัญหากับจมูก
ใครที่โพรงจมูกอักเสบจากการแพ้
เมื่ออาการกำเริบจะคัดจมูก น้ำมูกไหล จาม และคันจมูก
เพราะเยื่อบุโพรงจมูกได้รับสารก่อภูมิแพ้เป็นระยะเวลานาน
ทั้งยังเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้
ส่วนสารก่อภูมิแพ้ตัวการทำอาการกำเริบนั้น
ประกอบด้วย ตัวไรฝุ่น ที่มีขนาดเล็กเพียง 0.3 ม.ม. มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น รวมถึงของเสียที่ตัวไรฝุ่นขับออกมาก็เป็นสารก่อภูมิแพ้เช่นกัน
และยังมีเกสรของหญ้า แมลงสาบ เชื้อราในอากาศและดิน ขนสัตว์ โดยเฉพาะแมวกับสุนัข
สำหรับการดูแลตนเองหรือคนใกล้ชิดเพื่อป้องกันโพรงจมูกอักเสบจากการแพ้กำเริบขึ้นมานั้น
ต้องดูแลสิ่งแวดล้อมให้ปราศจากสารก่อภูมิแพ้ตามที่กล่าวไว้ ไม่ใช้ที่นอนและหมอนที่ทำจากนุ่น
ขนเป็ด ใยมะพร้าว เนื่องจากเป็นแหล่งอาศัยชั้นเยี่ยมของไรฝุ่น ทว่าเลี่ยงไม่ได้
แนะนำให้หาพลาสติกมาคลุมหรือหุ้มที่นอนและหมอนเอาไว้
หมั่นเปลี่ยนผ้าปูที่นอน-ปลอกหมอน
ไม่ควรใช้พรม อย่านำกระถางต้นไม้มาไว้ในบ้าน หากต้องดูแลต้นไม้ รดน้ำ พรวนดิน
ควรใส่หน้ากากอนามัยป้องกันจมูก ที่สำคัญคือ ไม่ควรเลี้ยงสัตว์เลี้ยง
อย่างสุนัขและแมว
อากาศโพรงจมูกอักเสบจากการแพ้
หรือโรคแพ้อากาศที่เรียกคุ้นปาก มักมีอาการเรื้อรัง
ดังนั้นผู้ป่วยจึงต้องดูแลตัวเองให้ห่างจากสารก่อภูมิแพ้จะดีที่สุด.
เอกสารอ้างอิง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น