วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554

ภูมิปัญญาไทยที่ถูกทอดทิ้ง เรือนแพ Floating House.

ในปัจจุบันน้ำได้ท่วม อย่างมากทั้งภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคตะวันออกบางพื้นที่ บ้างบ้านจมอยู่ใต้น้ำทั้งหลัง บ้างบ้านก็เหลือแค่ชั้นสอง มีความเดือดร้อนกันไปทั่ว มานั่งนึกเล่นๆดู ถ้าบ้านเราลอยน้ำได้ก็คงจะดี แต่ไม่ต้องลอยไปไหนมาไหน พอน้ำมาก็ลอยขึ้นตามน้ำก็เท่านั้นเอง เลยลองค้นหาความรู้ดู ก็ถึงบ้างอ้อว่า ภูมิปัญญาไทยโบราณท่านได้ให้ลูกหลานของท่านไว้แล้ว แต่เราไม่เห็นคุณค่า ไม่เห็นความสำคัญ ทอดทิ้งสิ่งเหล่านี้ไปเอง ถ้าเรานำมาประยุกต์ใช้ให้ทันสมัยกับปัจจุบัน เรือนแพของไทย น่าจะเป็นสุดยอดของเรือนลอยน้ำได้ อย่างน้อยเมื่อน้ำท่วมบ้านเรา ข้าวของเราก็ยังจะคงอยู่ อย่างอื่นก็ต้องค่อยๆแก้กันทีหลัง แต่คนจะทำเรือนแพลอยน้ำได้ เอาไว้ช่วยยามน้ำท่วมก็คงต้องวางแผนงานให้ดี
 " เรือนแพมีประโยชน์ใช้สอยแบบพิเศษ คือสามารถเคลื่อนที่ไปมาได้  ทั้งสามารถยกระดับขึ้นลงตามระดับน้ำ ทำให้หมดปัญหาเรื่องน้ำท่วม มีหลักไม้ปักยึดตำแหน่งเรือและแพ "
เรือนแพ (รศ.ธีรศักดิ์ วงศ์คำเเน่น)(http://www.thammadee.com/People_T_encyclopedia2.html )
Floating House.
           พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. 2542 ได้ให้คำจำกัดความที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในลักษณะต่าง ๆ โดยรวมถึง แพ หรือ เรือ ซึ่งจอดอยู่เป็นประจำและใช้เป็นที่อยู่อาศัยประจำ ดังนั้นเรือนแพจึงหมายถึงเรือนที่อยู่อาศัยซึ่งปลูกสร้างอยู่บนแพ ได้พบภาพถ่ายโบราณแสดงให้เห็นว่า มีเรือนแพสร้างเรียงรายเกาะกลุ่มกัน ลอยอยู่ตามริมแม่น้ำรวมทั้งคลองต่าง ๆ ในเขตพระนครและปริมณฑลเป็นจำนวนมาก
เรือนแพ นอกจากใช้เป็นที่อยู่อาศัยแล้ว ยังใช้เป็นเรือนร้านค้าสำหรับค้าขายไปในตัว น่าเสียดายที่เรือนแพ รวมทั้งเรือนเรือไม่มีปรากฏในเขตพระนครแล้วในปัจจุบัน  ยกเว้นในท้องที่บางจังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุทัยธานี พิษณุโลก และฉะเชิงเทรา กับเรือนแพที่ประยุกต์เพื่อใช้สอยเป็นอย่างอื่น มีสาเหตุเกิดจากได้มีการออกกฎระเบียบ มิให้มีการอาศัยอยู่ในเรือนแพและเรือนเรืออีกต่อไป ดังนั้น ตามลำคลองในเขตพระนครปัจจุบันจึงไม่ปรากฏให้เห็นเรือนแพอีกเลย
ลักษณะของเรือนแพ
เรือนแพเป็นเรือนที่อยู่อาศัยทั่วไปที่สร้างอย่างถาวรบนแพ ไม่ต้องการที่ดินโดยตรง มักมีขนาดเล็กกะทัดรัด ลักษณะเป็นโครงสร้างไม้  ฝาผนังเป็นไม้หรือสังกะสี หลังคามีทั้งแบบจั่วและปั้นหยา มุงสังกะสี ปลูกสร้างบนแพลูกบวบล่องลอยอยู่ทั่วไปตามริมฝั่งแม่น้ำ  ลักษณะของหลังคาดังในภาพมีทั้งหลังคาจั่ว หลังคาจั่วต่อชายคาคลุมพื้นที่โล่งด้านหน้าเรือน หลังคาจั่วทำเป็นหลังคาแฝด หลังคาจั่ว ต่อชายคาด้านข้าง หลังคาทรงไทยเดิมและหลังคาปั้นหยา
การวางตัวเรือนบนแพลูกบวบ พบว่ามีทั้งวางตามแนวยาวและแนวขวาง  โดยวางบนพื้นที่ส่วนหนึ่งของแพ  เว้นขอบแพเป็นทางเดินโดยรอบ เหลือพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่โล่ง ด้านหลังเหลือพื้นที่แคบ ๆ เรือนแพเกือบทุกหลังจะมียานพาหนะสำหรับเดินทาง คือเรือพาย ลอยลำอยู่ข้างแพ โดยมีหลักไม้ปักยึดตำแหน่งเรือและแพ
 
 เรือนแพแบบต่างๆ ในแม่น้ำสะแกกรัง จังหวัดอุทัยธานี (02/03/2008)
Type of Floating Houses, Sakhae Krung River, Uthai Thani Province, Thailand.
 ส่วนประกอบของเรือนแพ
พื้นที่ใช้สอยในเรือนแพ ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ 3 ส่วน ดังนี้
 พื้นที่ของตัวเรือน เป็นพื้นที่ที่ยกพื้น กั้นฝาผนัง สร้างหลังคาคลุม มีขนาดต่างๆ กัน ตั้งแต่ขนาดกว้าง 2.50 – 3.00 เมตร ยาวประมาณ 3.00 – 4.00 เมตร  ใช้เป็นที่พัก  เก็บของ และทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน
พื้นที่โล่งนอกตัวเรือน มักยกพื้น  สร้างหลังคาต่อจากหลังคาเรือนหรือสร้างเป็น บานกระดกแผงใหญ่ เปิดขึ้นแทนหลังคากันแดดฝน ใช้เป็นที่พักผ่อนและกิจกรรมอื่น ๆ
พื้นที่โดยรอบตัวเรือน จะเว้นระยะไว้เป็นทางเดิน และวางของ ส่วนประกอบอื่นๆ ของเรือนแพ ได้แก่  ห้องน้ำห้องส้วม บางแพมีการเพิ่มพื้นที่โดยสร้างเรือนแพอีกหลังหนึ่ง ใช้เป็นเรือนครัว ห้องเก็บของ หรือใช้เป็นห้องนอนที่เป็นสัดส่วน
ระบบสุขาภิบาลสำหรับชาวเรือนแพ มีการกำจัดขยะโดยเก็บขึ้นไปบนบก น้ำอาบน้ำชำระปล่อยลงแม่น้ำ ระบบขับถ่ายจะสร้างส้วมที่มุมหนึ่งนอกเรือน 
เรือนแพมีประโยชน์ใช้สอยแบบพิเศษ คือสามารถเคลื่อนที่ไปมาได้  ทั้งสามารถยกระดับขึ้นลงตามระดับน้ำ ทำให้หมดปัญหาเรื่องน้ำท่วม ปกติชาวเรือนแพจะมีวิถีชีวิตเหมือนกับประชาชนทั่วไป คือออกจากเรือนไปประกอบอาชีพหรือปฏิบัติภารกิจบนบก เสร็จภารกิจก็เดินทางกลับที่พัก
ดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้นว่า เรือนแพที่ยังคงเหลืออยู่มีปรากฏอยู่ในบางจังหวัด จึงขอนำเสนอดังต่อไปนี้
 
เรือนแพสะแกกรัง จังหวัดอุทัยธานี
Floating Houses , Sakhae Khang River, Uthai Thani Province, Thailand.
   กลุ่มเรือนแพสะแกกรัง หน้าตลาดเมืองอุทัยธานี ก่อนการเคลื่อนย้าย (08/10/2006)
Floating House, Sakhae Khang River, Uthai Thani Provinc, Thailand.
 จังหวัดอุทัยธานี เป็นจังหวัดเล็กมีพื้นที่ประมาณ 6700 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ในเขตภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทย ห่างจากกรุงเทพฯ โดยทางรถยนต์ ประมาณ 200 กิโลเมตร เป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางธรรมชาติ เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ จังหวัดอุทัยธานีเป็นจังหวัดหนึ่งใน 2 จังหวัดที่ยังมีเรือนแพตกทอดถึงปัจจุบันในแม่น้ำสำคัญของจังหวัดคือ แม่น้ำสะแกกรัง กลุ่มเรือนแพในภาพ คือเรือนแพที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำบริเวณหน้าตลาดสด แลเห็นเขาสะแกกรังอยู่เบื้องหลัง ปัจจุบันถูกทางราชการไล่ที่    และพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำบริเวณนั้นเป็นเขื่อนและลานคอนกรีต จึงไม่มีเรือนแพในบริเวณดังกล่าวอีกแล้ว
 
กลุ่มเรือนแพสะแกกรัง จังหวัดอุทัยธานีฝั่งทิศตะวันออก (07/10/2006)
Floating Houses, Sakhae Khrang Riverside, Uthai Thani Province.
 แม่น้ำสะแกกรัง เป็นแม่น้ำสายหนึ่งไหลจากจังหวัดนครสวรรค์ผ่านพื้นที่ด้านทิศตะวันออกของจังหวัดอุทัยธานี  ไปบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยาไปจังหวัดสิงห์บุรี   กลุ่ม เรือนแพสะแกกรังในภาพ เป็นเรือนที่ลอยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำทางทิศตะวันออก ด้านทิศใต้ของคอสะพาน เรือนแพกลุ่มนี้มีจำนวนไม่มากอยู่อย่างกระจัดกระจาย เรือนแพหลังคารูปโค้งครึ่งวงกลมที่เห็นในภาพคือเรือนแพที่ประยุกต์เป็นร้านอาหาร ดูแปลกตาเป็นพิเศษ
 
    เรือนแพ หน้าตลาดแม่น้ำสะแกกรังในสภาพแวดล้อมใหม่ (06/03/2008)
Floating Houses, Sakhae Khrang Riverside, Uthai Thani Province.
 กลุ่มเรือนแพริมแม่น้ำสะแกกรังภาพนี้ คือกลุ่มเรือนแพซึ่งเดิมตั้งหลักฐานอยู่ตรงบริเวณริมฝั่งแม่น้ำหน้าตลาด เมื่อทางราชการพัฒนาสร้างเขื่อนคอนกรีตในบริเวณนั้น จึงย้ายถิ่นฐานมาตั้งหลักแหล่งใหม่บริเวณฝั่งตรงข้ามกับที่เดิม ฝั่งแม่น้ำบริเวณนี้มีลักษณะสูงชันเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นบริเวณคุ้งแม่น้ำ มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นปกคลุม สภาพแวดล้อมร่มรื่น
จังหวัดอุทัยธานี เป็นจังหวัดหนึ่งใน 2 จังหวัดที่มีเรือนแพดั้งเดิมปรากฏอยู่เป็นจำนวนมากในปัจจุบัน ยังมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบดั้งเดิม

เรือนแพแม่น้ำน่าน จังหวัดพิษณุโลก
Floating Houses, Nan River, Pitsanulok Province, Thailand.
 
 กลุ่มเรือนแพแม่น้ำน่าน จังหวัดพิษณุโลก (23/5/2008)
Floating Houses, Nan River, Pitsanulok Province.
            จังหวัดพิษณุโลก เดิมชื่อเมืองสองแคว เมืองหน้าด่านของกรุงสุโขทัย ตามประวัติศาสตร์ว่าเคยเป็นเมืองที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวรก่อนที่จะเสด็จขึ้นครองราชย์ ปัจจุบันเป็นจังหวัดหนึ่งในภาคเหนือตอนล่าง ผังเมืองพิษณุโลก มีลักษณะเป็นเมืองอกแตก คือมีแม่น้ำน่านไหลผ่านกลางตัวเมือง และริมสองฝั่งแม่น้ำน่านนี้ เป็นที่ก่อเกิดชุมชนที่มีความผูกพันกับแม่น้ำเป็นพิเศษ คือสร้างเรือนลอยอยู่ในแม่น้ำ ที่เรียกว่าเรือนแพ เช่นเดียวกับชุมชนเรือนแพสะแกกรัง จังหวัดอุทัยธานี
 
 กลุ่มเรือนแพแม่น้ำน่าน จังหวัดพิษณุโลก (23/5/2008)
Floating House, Nan River, Pitsanulok Province.
 เรือนแพแม่น้ำน่านที่จังหวัดพิษณุโลกดังกล่าว ยังเหลือปรากฏอยู่ประมาณ 40 หลังในตัวเมือง  ลักษณะของเรือนแพที่ยังเหลืออยู่ในปัจจุบัน เป็นเรือนไม้จริงชั้นเดียว ส่วนใหญ่สร้างเป็นเรือนหลังคาจั่วมุงสังกะสี   มีปีกนกด้านหน้า ด้านข้างต่อชายคาออกจากตัวเรือนคลุมพื้นที่ให้เกิดร่มเงาแก่ลานโล่งนอกเรือนอีกส่วนหนึ่ง ฝาผนังปัจจุบันเป็นแผ่นไม้จริงตีนอนทับแนว การเพิ่มพื้นที่อยู่อาศัยมีหลายวิธี ได้แก่ สร้างอีกหลังหนึ่งบนแพเดียวกัน สร้างเรือนแพพ่วงอีกหลังหนึ่ง เป็นตัน
 
กลุ่มเรือนแพแม่น้ำน่าน จังหวัดพิษณุโลก (23/5/2008)
Floating House, Nan River, Pitsanulok Province.
 เรือนแพแม่น้ำน่านกับเรือนแพสะแกกรังโดยสรุปมีลักษณะคล้ายคลึงกัน เริ่มจากการก่อตั้งชุมชนในเขตเมือง จนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของท้องถิ่น เมื่อชุมชนมีความเจริญขึ้น ต่างมีการพัฒนาสภาพแวดล้อมของฝั่งแม่น้ำ มีการสร้างเขื่อนคอนกรีตริมฝั่งแม่น้ำ  โดยให้เรือนแพย้ายไปที่อื่น
 เรือนแพแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา
Floating House, Bang Pakong River, Chachoengsao Province, Thailand.
 
เรือนแพแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา (18/7/2008)
Floating House, Bang Pakong River, Chachoengsao Province, Thailand.
          แม่น้ำบางปะกง เป็นแม่น้ำสายสำคัญอีกสายหนึ่งทางภาคตะวันออกของประเทศไทย แม่น้ำนี้ไหลจากทิวเขาสูงทางภาคอีสานใต้ผ่านจังหวัดปราจีนบุรีมาออกสู่ทะเลที่จังหวัดฉะเชิงเทรา แม่น้ำบางปะกงช่วงที่ผ่านอำเภอบางน้ำเปรี้ยว ชาวบ้านเรียกว่า แม่น้ำแปดริ้ว บริเวณนี้เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของชุมชนเก่าแก่ อาศัยแม่น้ำเป็นเส้นทางคมนาคม ติดต่อค้าขายกันมาช้านาน เป็นอีกชุมชนหนึ่งเคยมีเรือนแพเป็นจำนวนมาก ทั้งเรือนแพอยู่อาศัย เรือนแพร้านค้า และเรือนแพที่ใช้ประโยชน์ทั้งค้าขายและอยู่อาศัย เรือนแพแม่น้ำแปดริ้วหรือแม่น้ำบางปะกงที่มีเป็นจำนวนมากในอดีต ปัจจุบัน เหลือปรากฏอยู่เพียง 3 หลัง ใช้เป็นที่อยู่อาศัยสืบมาหลังหนึ่ง ที่เป็นเรือนแพร้านค้าทิ้งร้าง ไม่ใช้ประโยชน์อีก 2 หลัง
เรือนแพแม่น้ำมูล จังหวัดอุบลราชธานี
Floating House, Ubon Ratchathani Province, Thailand.
 
เรือนแพแม่น้ำมูล จังหวัดอุบลราชธานี (23/7/2008)
Floating House, Ubon Ratchathani Province, Thailand.
 จังหวัดอุบลราชธานี เป็นจังหวัดทางภาคอีสานตอนล่างของสยาม มีประวัติความเป็นมาเก่าแก่ถึงยุคก่อนประวัติศาสตร์  หลักฐานคือภาพเขียนสีที่ผาแต้ม แม่น้ำสายสำคัญของเมืองคือแม่น้ำโขงและแม่น้ำมูล    ซึ่งไหลจากจังหวัดนครราชสีมาผ่านหลายจังหวัดไปออกปากแม่น้ำโขง แม่น้ำมูลจึงเป็นที่ตั้งชุมชนทางน้ำที่มักไม่มีการกล่าวถึง
เรือนแพที่เมืองอุบล มีประวัติว่ามีทั้งเรือนแพของเสนาบดีที่มาจากพระนครและเรือนแพชาวจีน ปัจจุบันเหลือหลักฐานคือมีเรือนแพปรากฏอยู่ 2 - 3 หลัง ที่ใช้เป็นทุ่นเทียบเรือของชาวประมง มิได้ใช้อยู่อาศัย เนื่องจากขึ้นไปสร้างเรือนอยู่ริมน้ำก่อนแล้ว


เอกสารอ้างอิง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น