วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ขอบคุณสำหรับทุกก้าวย่างที่ข้ามฉัน


วันนี้อาจเป็นวันที่ฉันได้เริ่มลุกขึ้นยืน แต่จะเข้มแข็งหรือไม่นั้นอยู่ที่ตัวฉันจะก้าวเท้าแรกออกไปเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่าอนาคตและความสำเร็จของดวงใจน้อยๆของฉันทั้งสามคนและอีกดวงใจหนึ่งคือพระที่เหลือในบ้านอีกรท่านหนึ่งที่ฉันคงต้องกราบท่านทุกวันเหมือนเดิมก่อนไปทำงาน อีกไม่กี่วันเท้า2ข้างของฉันจะก้าวสู่การทำงาน มันจะพิสูจน์ให้ฉันเห็นว่าตัวฉันทำได้หรือไม่ เท่านั้นเองกับอนาคตทั้ง3ของฉัน

 มาวันนี้ฉันอยากบอกให้โลกรับรู้ว่า ฉันขอขอบคุณทุกเท้าที่ก้าวข้ามฉันไม่ว่าจะเหยียบย้ำหรือกระโดดข้ามฉันให้ฉันได้รับอะไรบ้างก็ตาม แต่ฉันขอบคุณทุกเท้าเหล่านั้นที่ทำให้ฉันเข้มแข็งและลุกขึ้นอย่างมั่นคง ขอบคุณทุกชีวิตไม่ว่าจะเป็นพี่ น้อง เพื่อนฝูงที่ทำให้ฉันล้มแบบไม่มีวันลุก แต่ฉันคิดว่านั้นคือบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่จริงๆ ฉันอโหสิกรรมกับพวกเขาเหล่านั้น ฉันให้อภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่ามันจะเป็นบ่วงกรรมในอดีตภพภูมิเดิม หรือ สิ่งที่ฉันก่อไว้ในภพภูมินี้ก็ตาม ฉันคิดว่าฉันกระทำความดีโดยไม่ได้หวังผลตอบแทนใดๆ และฉันไม่ได้หวังว่าการทำความดีแล้วฉันต้องได้รับผลตอบแทนจากการทำความดีให้ฉันลุกได้แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของชีวิตนั้นก็หมายถึง4ชีวิต 4ดวงใจที่รอฉันลุกและก้าวเดินจูงมือไปสู่อนาคตที่สวยงามมากกว่า วันนี้ฉันมาเพื่อขอบคุณเพื่อนทุกคนที่ฉันผ่านพบ พี่ทุกคนที่ฉันรู้จัก ด้วยเจตนาใดๆที่ตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ คิดหรือไม่ได้คิดไตร่ตรองกับผลของการทำความดี ถึงแม้ท่านเหล่านั้นจะนำพาซึ่งความหายนะสู่่ฉัน ฉันถือว่าวันนี้ฉันได้แจ้งความเจตนาอโหสิกรรมแด่ทุกท่านทั้งแล้วสิ้้น เพราะฉันคิดว่าสิ่งที่ฉันไม่รับรู้หรือรับรู้หากเราอโหสิกรรมต่อกันไม่จองเวรซึ่งกันและกัน มันคือสิ่งที่ดีที่สุดและเป็นมงคลต่อชีวิตของฉันแล้ว ดังองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้
และสั่งสอนเหล่าสรรพสัตว์ทุกชีวิตในโลกใบนี้ไซร้โดยแน่แท้ ฉันอนุโมทนาแด่ทุกชีวิตเหล่านั้นจริงๆ นั้นหมายถึงก้าวแรกของการย่างไปจะต้องก้าวเดินอย่างระมัดระวังให้เป็นอย่างดีและปลอดภัยไม่เหมือนที่ผ่านมา และฉันก็จะไม่ย้อนอดีตกับไปคิดถึงมันแต่จะจดจำไว้เป็นบทเรียนที่มีค่าและราคาแพงมากที่สุดในชีวิตของฉันให้ซึ้งถึงสัจจธรรมโดยแท้จริงว่าในโลกใบนี้ไม่มีใครที่เห็นดีงามและรักเราสุดชีวิตเท่ากับพ่อแม่และลูกของเราแล้ว ฉันควรจะก้าวเดินเพื่อเขาอย่างระมัดระวังในต่อแ่นี้ไป

วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2555

นาทีวิกฤตที่ไร้สติ

ใต้สายฝนอันชุ่มฉ่ำใครจะรู้บ้างเล่าว่าบ้านหลังปานกลางนั้นจะซ่อนด้วยน้ำตาของลูกผู้หญิงคนหนึ่ง ยามค่ำคืนเธอจะแอบร้องไห้เพียงลำพังไม่มีใครเห็นภายในห้องน้ำเล็กๆยามค่ำคืน ชีวิตของเธอผ่านมรสุมชีวิตที่หนักแสนสาหัสคนเดียวที่ต้องรับผิดชอบชีวิตอีก4ชีวิตให้คงดำรงอยู่พร้อมทั้งอนาคตที่สวยสดงดงามที่เธอเฝ้ารอคอย 3ชีวิตที่ไร้เดียงสา กำลังเติบโตเป็นหนุ่มสาวนั้น
 หารู้ไม่ว่าภายในห้องน้ำเล็กมุมหนึ่งมีหยาดน้ำตาของผู้หญิงคนหนึ่งที่เรียกว่าแม่หล่นลงกับพื้นห้องทุกวัน ไม่มีใครรู้เลยว่าผู้หญิงตัวเล็กๆคนนั้นจะเจ็บปวด เหนื่อยแสนสาหัสเพียงใด เธอต้องดิ้นรนกระเสือกกระสนหารายได้เข้ามาหล่อเลี้ยงทุกคนไม่ให้ทุกคนรู้สึกว่าอะไรเกิดขึ้นภายในบ้าน จากชีวิตที่เราเคยสุขสบายอยู่อย่างพอเพียง ครอบครัวน้อยๆนี้มีกินมีใช้เพราะหัวหน้าครอบครัวตัวเล็กๆคนนี้หาเลี้ยง แต่ ณ วันนี้ใครเล่จะรู้ว่า หัวหน้าครอบครัวจะเจอมรสุมชีวิตหนักหนาสาหัส ไหนหนี้สินที่ธนาคารติดตาม ไหนค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้าน มาเจอมรสุมหนัก ภัยพิบัติน้ำท่วมอีก ชีวิตของเธอแย่จนเธอแทบล้มทั้งยืน จากสายตาหลายๆคนที่มองอยู่รอบๆ แต่ความรู้สึกเหล่านี้หาพ้นสายตาคนไหนบ้านที่เฝ้ามองดูผู้หญิงคนนี้จัดการเรื่องราวทั้งหมดภายในบ้านด้วยความสุขุมมากขึ้น เธอจะนิ่งมากขึ้นมีสติมากขึ้น ในการดำรงชีวิตในปัจจุบัน เธอยึดมั่นกับคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพิ่มคำอธิบายภาพ
มากขึ้นทุกวัน กระทำแต่ความดีมาตลอดชีวิตของเธอผู้นี้ ความมีเมตตาธรรมที่เธอยึดแน่นเพราะคำสั่งสอนของคุณยายเธอที่เฝ้าสอนเธอมาตลอด ให้ทำแต่ความดีนะลูกไม่เบียดเบียนใคร แต่มาวันนี้เธอเศร้ามากขึ้นจากศักดิ์ศรีที่เธอยึดมั่นไม่เคยเบียดเบียนใคร แต่นาทีวิกฤตในการที่เธอจะต้องพาทุกคนไปให้ถึงฝั่งเธอได้ผิดคำสั่งสอนของการทำความดี ต้องหันหน้าไปหยิบยืมเงินทองมากขึ้น ทั้งที่เธอไม่เคยเอ๋ยปากกับใครเลย ทั้งๆที่เมื่อก่อนเธอเป็นผู้ให้คนเหล่านั้นด้วยซ้ำไป ทำไมกรรมในอดีตที่ในชาตินี้มนุษย์อย่างเราๆไม่มีใครรู้ว่าอดีตชาติของแต่ละคนทำบาปอะไรไว้ การทำความดีในชาตินี้ไม่สามารถลบล้างบาปในอดีตได้เลยหรือ ฉันเฝ้าคิดตลอดเวลา ข้างบนลงโทษอะไรฉันแทบปางตายเช่นนี้นี้คืออีกบทความหนึ่งที่ได้เกิดขึ้นจริงในสังคมปัจจุบันนี้ และยังมีครอบครัว ชีวิต อีกมากมายที่ประสบปัญหาเหล่านี้ สติ สมาธิ นี่คือสิ่งที่ท่านทุกคนควรยึดมั่นในการดำรงชีวิต หากเราขาดสิ่งเหล่านี้เมื่อใด ชีวิตก็ไร้ซึ่งวิญญาณ นั้นคือการตัดสินใจและการหาทางออกของมนุษย์ทุกวันนี้ ทุกปัญหามีทางแก้ไขหากมนุษย์ยึดมั่นในคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เทอญ

วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ชีวิตที่ไร้วิญญาณ

หากฉันเป็นผู้หญิงคนนี้คนไร้ซึ่งเรี่ยวแรงและวิญญาณเป็นแน่แท้ มรสุมชีวิต โชคชะตา หรือกรรมแต่ชาติก่อนกันที่ทำให้เป็นเช่นนั้น มันช่างโหมกระหน่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนฉันไม่มีเรียวแรงจะยืนหยัดแล้ว เมื่อไหร่หนอฉันจะได้กลับไปในที่ๆฉันเคยมา ทำไมช่างลงโทษกับฉันเช่นนี้ การทำความดีในชาตินี้มันไม่มีความหมายหรือไรสำหรับคนที่มีเมตตาธรรมกับผู้อื่นเสมอมา ตั้งแต่ฉันลืมตามาดูโลกใบนี้ ฉันมีแต่มองสิ่งที่ดีๆให้กับผู้อื่นด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ผลบุญที่ฉันได้รับมันช่างแสนสาหัสเสียนี้กระไร
 ฉันท้อแท้เหลือเกิน แต่ก็ยังมีอีก4ชีวิตที่ฉันต้องรับผิดชอบพวกเขาเหล่านั้นเขาเปรียบเสมือนชีวิตและดวงใจของฉันจริงๆ คุณแม่แม้ท่านจะมีอะไรที่มากมายจนทำให้ลูกหลานรำคาญใจแต่อย่างไรท่านก็เป็นที่รักของฉันเสมอ ลูกๆที่แสนจะวุ่นวายแต่เขาทั้งสามก็เป็นดวงใจของฉัน แล้วฉันจะด่วนไปจากพวกเขาได้อย่างไร ฉันยังมองไม่ออกมาฉันจะหาทางช่วยครอบครัวฉันได้อย่างไร เราเคยสุขสบายแต่ ณ วันนี้ ฉันคือต้นเหตุที่ทำให้ทุกคนลำบากเหลือเกินบางวันไม่มีแม้แต่ข้าวสารติดหม้อด้วยซ้ำไป วันนี้ฉันไร้ซึ่งพลังจริงๆหรือฉันไม่สามารถลุกขึ้นได้เลยหรือ ไม่มีใครให้โอกาสให้ฉันได้ลุกขึ้นบ้างเลยหรือไร