วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2555

รักลูกมากเกินพิกัด


ฉันจำไม่ได้ว่าการแสดงออกของฉันเป็นการรักลูกและห่วงลูกมากเกินไป นี่คือ คำกล่าวขานของผู้พบเห็นทุกคนที่ใกล้ชิดและรู้จัก จะทักทายและบอกให้ฉันได้ยินเสมอว่า เธอรักลูกและห่วงมากเกินไปหรือเปล่าจ๊ะคุณเพื่อน
ฉันยอมรับว่าฉันรักลูกและเฝ้ามองเขาและเธอเติบโต ความคิดขอฉันมันฝังจำว่าฉันไม่เคยได้รับเพราะท่านไม่เคยบอกเราแต่มาทุกวันนี้ วันที่ฉันเป็นแม่แล้วนั้น ฉันย้อนกลับไปถึงภาพที่สองมือทั้งสองหิ้วกระเป๋าพาฉันและน้องสาวไปส่งโรงเรียนทุกวัน พอตกกลางวันสองมือนั้นก็จะหิ้วปิ่นโตและน้ำไปให้เราทั้งสองคน เวลาเราไม่สบาย ก็จะมีสองมือที่หยาบกร้านนั้นอุ้มเราไปหาหมอ ฉันจึงเข้าใจว่าคนเราบางคนก็ไม่พูดอะไรเพราะถูกเลี้ยงมาเช่นนั้นแต่ลึกๆของจิตใจของท่านทั้งสองก็คงไม่ต่างกันว่าท่านทั้งสองรักเราสองคนพี่น้องมากเพียงใด จากการแสดงออกที่ภาพอดีตยังคงเวียนอยู่ในสมองและความทรงจำของฉัน ฉันไม่เคยลืมเมื่อนึกถึงอดีต ภาพที่คุณแม่ท่านพาฉันไปส่งที่โรงเรียน

จนถึงชั้น ประถมปีที่ 7 จนเพื่อนและครูแซวกัน จนต้องบอกท่านว่า คุณแม่เพื่อนกับครูแซวแล้วหล่ะ นั้นหล่ะค่ะถึงได้เป็นจุดเปลี่ยนของการเติบโตของฉัน ฉันเริ่มออกเดินทางไปโรงเรียนกับน้องสาวตามลำพังโดยไม่ยอมขึ้นรถเมล์ไม่ใช่ไม่มีสตังค์นะค่ะ แต่เพราะกลัวตกรถและเลยป้ายต่างหาก อ้อมีเรื่องย้อนอดีตไปทุกครั้งที่คุณแม่จะเล่าเรื่องเก่าๆเรื่องการอดนมของลูก ท่านจะต้องมีเรื่องเล่าถึงฉันในอดีตเสมอว่าเป็นเด็กที่เลิกทานนมขวดช้ามากๆ จนคุณครูต้องบอกห้ามคุณแม่ว่าห้ามให้ฉันพกขวดนมไปโรงเรียนโดยเด็ดขาดไม่เช่นนั้น ลูกจะอ่านหนังสือไม่ชัดและพูดไม่ชัดด้วยจนคุณแม่ตัดสิ้นใจเอาบรเพ็ดทาที่จุกนม นั้นก็หมายถึงว่าฉันต้องอดทานนมขวดตั้งแต่นั้นมารู้สึกถ้าจำไม่ผิดประมาณ 5 ขวบนั้นเอง ฉันนั่งนึกถึงคำพูดเพื่อนแล้วตัวเองย้อนอดีตกลับไปถึงคุณแม่ตัวเองทุกครั้ง และพูดกับตัวเองเสมอว่าฉันยังรักลูกไม่มากเหมือนคุณแม่ฉันนะ คุณแม่ฉันรักฉันและน้องสาวมากกว่าเสียด้วยซ้ำไปแต่ท่านไม่พูด จนถึงทุกวันนี้ท่านก็คงถามฉันเสมอเวลาฉันก้าวเท้าออกจากบ้าน จะเป็นคำถามที่ได้ยินเสมอ ว่า ไปไหนหากเราไม่ทำความเข้าใจก็จะหงุดงหิดกันไปว่า โตแล้วจะถามทำไมกัน แต่ ณ วันนี้ฉันยอมรับว่า ธรรมะ และการมีสติและสมาธิตั้งมั่นให้สงบ ธรรมะสามารถทำให้ใจฉันสงบนิ่งมากขึ้นและเมื่อลูกเราโตขึ้น ฉันยิ่งต้องตั้งสมาธิและสติให้นิ่งและใจเย็นในการเลี้ยงลูกในปัจจุบันจริงๆ

วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2555

สายใยแห่งความผูกผัน

อรุณสวัสดิ์ท่านผู้อ่านที่น่ารัก เมื่อวานนี้เราพบกับบรรยากาศความร้อนระอุกันไปแล้วนะค่ะ เมื่อคืนนี้ตัวผู้เขียนได้มีโอกาสยามว่างนั่งนึกถึงบทความที่เขียนไปแล้วเกี่ยวกับการดูแลลูกหลานของเราในแต่ละวัย นั่งอ่านบทความแล้วบทความเหล่า นึกได้ว่ามีบทความหนึ่งที่ประทับใจในตัวเราเองก็คือการเฝ้าติดตามมองดูลูกสาวและลูกชายเจริญเติบโตในแต่ละช่วงเวลา มีทั้งบทเรียนราคาแพงสำหรับคนที่เป็นแม่และลูกก็มี ตัวผู้เขียนเคยนั่งนึกถึงว่าอดีตชาติที่แล้วเราคงทำบุญไว้มากพอที่ปัจจุบันเราได้ลูกสาวที่น่ารักมานั่งนึกย้อนอดีตเจ้าหนูน้อยร่างอวบแก้มแดงเติบโตมาจัดลำดับถือว่าเป็นเด็กน้อยที่เลี้ยงง่ายมากกินนมเสร็จนอนหลับ จะหยุดพูดก็ต่อเมื่อง่วงนอนเท่านั้น เราก็ได้แต่เฝ้ามองสาวน้อย
ผู้นั้นเติบโตขึ้นมาอย่างสวยงาม มันอาจจะมีอุปสรรคแต่ก็ผ่านไปด้วยดี ตัวผู้เขียนเองเพิ่งจะเกิดศรัทธาแรงกล้ากับคำว่า " แม่ " ก็ ณ วันนี้ว่าคนที่จะเป็นแม่สมบูรณ์แบบนั้นจะต้องเป็นเช่นไร ต้องมีสติ สมาธิ ความสุขุมเยือกเย็นอย่างมากในการเลี้ยงดูลูกให้ผ่านไปในแต่ละปีที่สาวน้อยเจริญตามวัย การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในวัยเด็ก วัยทีนเอจ วัยรุ่น จนกระทั่งเริ่มเข้าสู่วัยหนุ่มสาว จนถึงวัยผู้ใหญ่อย่างเรา การเปลี่ยนแปลงของลูกทำให้ตัวผู้เขียนนึกย้อนไปถึงตัวเองในวัยต่างๆที่เราพอนึกอดีตได้ว่าเราเป็นเช่นไรเกเร เรียบร้อย หรือไหม สายใยของความผูกผันที่แม่และลูกมีให้กันแม้จะเกิดอุปสรรคอย่างไร ดิฉันคิดว่าเราต้องใช้สติและไม่ใจร้อน อดทนและหนักแน่นในการเลี้ยงลูกจริงๆ หากเราต้องการให้ลูกของเราเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพจิตใจที่ดีงามและสวยงามจริงๆ แฝงไปด้วยความอบอุ่นที่แม่มอบให้ลูก และลูกมอบให้แม่ ตัวฉันเองเป็นคนที่เขาเรียกว่าบ่อน้ำตาตื้น เป็นคำพูดของคุณแม่สมัยก่อนที่ชอบเรียกเรา ดูหนังเศร้าก็ร้องไห้ ดุนิดหน่อยก็ร้องไห้ เห็นคนแก่ข้างทางก็น้ำตาไหล ตัวฉันเป็นเช่นนั้น ยามที่ฉันสอนลูกมักจะน้ำตาไหลไม่ใช่ฉันขี้แยแต่ฉันจะเศร้าทุกครั้งที่มีการเจรจากับลูกๆ หรือกับคนอื่นหากทะเลาะก็น้ำตาไหลเหมือนกัน
 คุณยายฉันเคยบอกเสมอว่าฉันเป็นคนช่างสงสารคนมาตั้งแต่เด็กแล้ว เชื่อหรือไม่ค่ะว่าฉันเลี้ยงลูกๆ ไม่เคยตี อ้อมีอยู่ครั้งหนึ่งตอนนั้นอาบน้ำให้ตอนเด็กเล่นกัน เล่นไปเล่นมาเกิดอาการอะไรจำไม่ได้ ฉันลองทำโทษ1ทีที่ก้น เชื่อไหมค่ะว่าร้องไห้ไม่เลิกแถมตัวฉันเองรู้สึกไม่ดีเมื่อเห็นน้ำตาสาวน้อย ตั้งแต่นั้นมาฉันไม่เคยตีลูกอีกเลยใช้วิธีอธิบายกันด้วยเหตุผลซะมากกว่าที่จะใช้ไม้ แต่มีคนส่วนใหญ่จะว่าทำไมไม่ตีเมื่อลูกทำผิด ฉันบอกว่าเราสอนเขาได้ด้วยเหตุและผลทำไมต้องตีกันด้วย เพียงฉันหยิบไม้เรียวสาวน้อยฉันก็ร้องไห้แล้ว  มาถึงตรงนี้ฉันก็ยังนึกถึงเวลาลูกๆไปเข้าค่ายลูกเสือเนตรนารี ฉันจะไปด้วยตลอดเวลา สายใยที่เราคิดถึงกันมันแฝงอยู่ลึกๆของหัวใจเราแม่ลูกเสมอ ณ วันนี้ฉันทราบแล้ว่าคุณแม่ของฉันท่านอาจจะเป็นคนที่ไม่พูดไม่แสดง แต่ ณ วันนี้ฉันก็รับรู้แล้ว คำว่า " แม่ " นั้นสำคัญและรักลูกเสมอไม่ว่าลูกจะทำผิดอย่างไรท่านก็ให้อภัยและไม่ถือโทษลูกเลย

วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2555

ระยะทางการทำความดี

สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน ตัวผู้เขียนห่างหาย การทำความดีต่อคุณผู้อ่านไปนานนะค่ะ เช้าวันอาทิตย์ที่ดูทีท่าว่าจะอากาศเย็นฉ่ำสดชื่นด้วยสายฝนยามเช้า ได้ไม่นานก็พบกับแสงแดดเจิดจ้าจากพระอาทิตย์ที่รีบชิงมาทำหน้าที่เป็นประจำนะค่ะ ช่วงเวลาของเดือนเมษายนปีนี้อากาศร้อนมาก ซึ่งทำให้อุณหภูมิต่างๆเปลี่ยนแปลงไปมากมาย ทั้งอุณหภูมิที่เกิดขึ้นในตัวของมนุษย์เราเองจากสภาวะอากาศร้อนแล้วนั้นยิ่งทำให้อากาศที่ร้อนระอุร้อนมากขึ้นเป็นทวีคูณนะค่ะ
จากสภาวะแวดล้อมที่เกิดขึ้นทุกวันนี้จากภาวะโลกร้อนแล้วนั้น ตัวผู้เขียนคิดว่าชั้นบรรยากาศของโลกเริ่มเปลี่ยนแปลงมากข้นทุกเวลา การสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวที่เราได้รับข่าวคราวเริ่มมีมากขึ้นทุกวัน ผลกระทบที่ตามมาหลังจากแรงสั่นสะเทือนทุกครั้งก็จะทำให้เกิดรอยแยกของพื้นชั้นดินใต้โลกมากขึ้น มนุษย์ทุกคนกลัวการเกิดซึนามิมากที่สุดโดยเฉพาะผู้คนที่อยู่ใกล้ฝั่ง จากบทสัมภาษณ์ต่างๆ จากหลายทุกมุมโลกกล่าวขานถึงเหตุการ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นและเฝ้าคอยทุกวันว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวมากน้อยเพียงใด ทุกฝ่ายมีการเตรียมการอยู่ตลอดเวลาจนไม่มีเวลาพักผ่อน เสมือนการตกอยู่ในความทุกข์ผู้คนที่เคยพบเห็นเหตุการณ์คลื่นซึนามิก็จะหวาดผวา

ตัวผู้เขียนนั่งวิเคราะห์เหตุการณ์และสถานะการณ์เหล่านี้แล้วยังนึกไม่ออกว่าเราควรจะช่วยสังคมอย่างไร นอกจากการทำสมาธิและใช้สติเมื่อเราอาจเผชิญกับเหตุการณ์เหล่านั้นนะค่ะ ตัวผู้เขียนพยายามเฝ้าบอกผู้อ่านตลอดเวลาว่าเราควรหาวิธีป้องกันและแก้ไขกับเหตุการณ์นั้นๆ ด้วยวิธีการตั้งสติให้มั่นและหาวิธีรับมือ จากข่าวคราวต่างๆมาเป็นฐานข้อมูลในการครั้งนี้ หากเกิดอากาศร้อนมากเราก็อย่าไปหมกมุ่นว่าอากาศมันร้อน เราควรหาอะไรทำที่สามารถดับความร้อนด้วยวิธีการอยู่กับธรรมชาติให้มากขึ้น อย่านั่งกลุ้มอกกลุ้มใจเป็นทุกข์กันไป ทำชีวิตปัจจุบันให้ดีที่สุด ตั้งสติก่อนสตาร์ท ( ขำๆนะค่ะ ) อยากให้ท่านผู้อ่านคลายกังวลค่ะ อย่าวิตกกับสภาวะแวดล้อมและอากาศที่กำลังร้อนมากขึ้นทุกวัน หาเพื่อนคุย สามัคคีกันให้มากขึ้น มอบความรักที่บริสุทธิ์แด่เพื่อนมนุษย์ให้มากขึ้น หากเมื่อยามคับขันทุกชีวิตบนโลกนี้จะดำเนินต่อไปด้วยความระมัดระวังด้วยการมีสติที่เพรียบพร้อมและพร้อมฝ่าฝันอุปสรรคด้วยความรักที่มนุษย์มอบให้กันด้วยความจริงใจนะค่ะ