วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

มะพร้าวกะทิลูกผสมพันธุ์ชุมพร 84-1


มะพร้าวของเมืองไทยได้ชื่อว่าเป็นมะพร้าวที่ดีที่สุดในโลก

เราควรช่วยกันสนับสนุนมะพร้าวของไทย โดยเฉพาะมะพร้าวกะทิ

ลูกผสมพันธุ์ชุมพร 84-1ที่กรมส่งเสริมการเกษตรได้สร้างขึ้นมาใหม่

โดยมีลักษณะเด่น คือ ให้ผลผลิตเร็วขึ้น เมื่ออายุ 2 ปี 5 เดือน

ให้ผลเป็นมะพร้าวกะทิ ซึ่งต้นมะพร้าวธรรมดาไม่มี

เฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 18

และเนื้อมะพร้าวกะทิมีเปอร์เซ็นต์ไขมันต่ำ

ใน ๑ ทะลายมีมะพร้าวกะทิมากกว่า ๑ ลูก ถ้าทะลายที่สมบูรณ์

จะเป็นกะทิมาก หรือเป็นเกือบทั้งทะลาย

และก็เป็นมะพร้าวน้ำหอมด้วย







เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มูลนิธิสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ร่วมกับ กรมส่งเสริมการเกษตร กรุงเทพมหานคร  จัดแถลงข่าวงาน “สีสรรพรรณไม้ เทิดไท้บรมราชินีนาถ - มหัศจรรย์มะพร้าวไทย เฉลิมพระเกียรติฯ" เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

กรมส่งเสริมการเกษตร ร่วมกับมูลนิธิสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร และบริษัทเอกชน ร่วมแถลงข่าวการจัดงาน “สีสัน พรรณไม้ เทิดไท้บรมราชินีนาถ มหัศจรรย์มะพร้าวไทยเฉลิมพระเกียรติฯ” เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ณ สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จตุจักร ระหว่างวันที่ 8-14 สิงหาคม โดยปีนี้จะจัดงานพิเศษ รวบรวมมะพร้าวไทยสายพันธุ์ต่างๆ มาจัดแสดงแบบถาวร และจะเปิดตัวมะพร้าวลูกผสมกะทิพันธุ์ชุมพร 84-1 ซึ่งเป็นมะพร้าวสายพันธุ์ใหม่ของกรมวิชาการเกษตร ที่สร้างพันธุ์ขึ้นมา เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้ายู่หัว ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษาในปี 2554 โดยมีลักษณะเด่น คือ ให้ผลผลิตเร็วขึ้น เมื่ออายุ 2 ปี 5 เดือน ให้ผลเป็นมะพร้าวกะทิ ซึ่งต้นมะพร้าวธรรมดาไม่มี เฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 18 และเนื้อมะพร้าวกะทิมีเปอร์เซ็นต์ไขมันต่ำ เตรียมส่งเสริมสู่เกษตรกร
มะพร้าวเป็นทรัพยากรที่ใกล้ชิดกับวิถีชีวิตคนไทยมาแต่โบราณ ส่วนต่างๆ ของต้นและผลสามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ทั้งเป็นอาหาร แปรรูป ประดิษฐ์เป็นเครื่องใช้ เครื่องประดับ และเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้เกษตรกรอย่างดี งานนี้จัดอย่างยิ่งใหญ่กว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา และท่านที่ชื่นชอบไม้แปลกๆ ไม่ควรพลาด เพราะทางสมาคมได้หาไม้ประดับต่างๆ มาทำการประมูล เพื่อหารายได้ให้กับมูลนิธิสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ด้วย

คุณหญิงปราณี เอื้อชูเกียรติ ประธานอนุกรรมการประสานงานมูลนิธิสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ กล่าวว่า “กิจกรรมหลักครั้งนี้เพื่อเผยแพร่พระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถที่ทรงมีเกี่ยวกับ “มะพร้าว” ซึ่งเป็นทรัพยากรแผ่นดินที่ใกล้ชิดกับวิถีชีวิตของคนไทยมาแต่โบราณ มีคุณสมบัติเด่น คือ ขึ้นง่าย โตเร็วในทุกสภาพดินและภูมิอากาศเป็นพืชที่สามารถใช้ประโยชน์ได้หลายทาง เช่น น้ำและเนื้อมะพร้าวอ่อนใช้รับประทานทั้งสดหรือแปรรูปเป็นอาหารคาวหวานต่างๆ กะลานำไปประดิษฐ์สิ่งของเครื่องใช้และเครื่องประดับของสตรีและยังถือว่าเป็นไม้มงคลที่นิยมนำไปประกอบพิธีต่างๆอีกด้วย”


“เหตุที่เลือกมะพร้าวมาเป็นไฮไลท์ของงาน เนื่องจากสนองพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีที่ทรงสนพระทัยให้ส่งเสริมการปลูกมะพร้าว ศึกษาหาวิธีการปกป้องแมลงทำลายต้นมะพร้าว รวมทั้งยังได้พระราชทานอาชีพเสริมให้ชาวบ้านแปรรูปมะพร้าวเพื่อการส่งออกมาโดยตลอด”
ภายในงานยังจะได้พบกับ มะพร้าวลูกผสมกะทิพันธุ์ชุมพร 84-1 ซึ่งเป็นมะพร้าวสายพันธุ์ใหม่ที่ผสมขึ้น โดยกรมวิชาการเกษตรและรับรองเป็นพันธุ์แนะนำเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2554 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา และยังมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวนานาชนิด ซึ่งบางอย่างหลากท่านอาจจะยังไม่เคยเห็นมาก่อน การแสดงวิถีชีวิตคนไทยที่ใช้ประโยชน์จากมะพร้าวและที่น่าสนใจอีกอย่างคือ การแสดงความสามารถในการเก็บมะพร้าวของลิงจากเกาะสมุยซึ่งหาชมได้ยากในกรุงเทพฯ จึงไม่ควรพลาดชมเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมมากมาย เช่น การแสดงผลงานภาพถ่ายนกในสวนสมเด็จฯ การประกวดพันธุ์ไม้ 11 ชนิด เช่น การประกวดบอนสี ลิ้นมังกร โป๊ยเซียน โกศล ฯลฯ การจัดนิทรรศการบัวกว่า 140 ชนิด และนิทรรศการ “เฉลิมพระเกียรติป่าสักนวมินทรราชินี” ซึ่งเป็นป่าที่สมบูรณ์ที่สุด เป็นต้น การจัดนิทรรศการเกี่ยวกับสายพันธุ์มะพร้าว, การสาธิตและการแปรรูปผลิตภัณฑ์และสิ่งประดิษฐ์จากมะพร้าว พร้อมชิมอาหารอร่อยจากร้านชื่อดัง

โดยงานนี้จะจัดให้มีขึ้น ในวันที่ 10 — 14 สิงหาคม 2554 ณ สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ถ.กำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร เวลา 06.00 — 20.00 น. โดยในวันที่ 12 สิงหาคม เชิญชวนร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพร เวลา 19.00 น.


มะพร้าวกะทิ

ความเป็นมา

ธรรมชาติ ของ “มะพร้าวกะทิ” ทุกสายพันธุ์ เวลาติดผลในหนึ่งทะลาย จะมีผลที่กลายเป็นกะทิร่วมอยู่ด้วย 1 ผล หรือเป็นกะทิ ได้มากที่สุด ไม่เกิน 3 ผล ต่อหนึ่งทะลาย จึงเป็นสาเหตุทำให้ “มะพร้าวกะทิ” มีราคาแพงกว่ามะพร้าวแกงทั่วไปในยุคสมัยก่อน “มะพร้าวกะทิ” จะมีสายพันธุ์เดียวคือ เป็นพันธุ์ที่มีต้นสูง 10 หรือ 15 เมตร ต้องปีนขึ้นไปเก็บลำบากมาก ในยุคนั้นไม่ค่อยได้รับความนิยมปลูกกันด้วย จึงทำให้หารับ
ประทานยากและมีราคาแพงตามที่กล่าวข้างต้น
ส่วนใหญ่ นิยมเอาเนื้อ “มะพร้าว กะทิ” ไปใส่น้ำแข็งไสผสมน้ำเชื่อมโดยใช้ ช้อนคว้านเป็นชิ้นพอคำ หรือใช้ช้อนตัก กินเฉยๆก็ได้ รสชาติหวานมันอร่อยมาก ปัจจุบันนิยมคว้านใส่ไอศกรีม ทำบัวลอย “มะพร้าวกะทิ” ขายตามร้านอาหาร ภัตตาคารดังๆ ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
อย่างไรก็ตาม ผู้ปลูก “มะพร้าวกะทิ” จำนวนมากที่ซื้อต้นพันธุ์ไปปลูกแล้ว มีปัญหาเมื่อ “มะพร้าวกะทิ” ติดผลเป็นทะลาย มีผลมากกว่า 15-20 ผล ต่อ 1 ทะลาย เมื่อปล่อยให้ผลแก่เต็มที่คาต้น ไม่สามารถแยกได้ว่า ผลไหนเป็นมะพร้าวกะทิ ต้องใช้วิธีปอกเปลือกทุกผล และผ่าดูเนื้อในทุกผล ทำให้เสียเวลา และผลที่ไม่ใช่ “มะพร้าวกะทิ” เสียหาย เพราะนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นไม่ทันนั่นเอง



เกี่ยวกับเรื่องนี้ มีวิธีพิสูจน์แบบง่ายๆ ใช้มาแต่โบราณแล้วคือ เมื่อ “มะพร้าวกะทิ” ติด ผลเป็นทะลายปล่อยให้ผลแก่คาต้นก่อน ตัดทะลายลงมา เอาผลแต่ละผลเขย่าฟังดูว่าถ้าไม่มีเสียงน้ำในผลดังกระฉอกเลย หมายถึงมะพร้าวผลนั้นเป็น “มะพร้าวกะทิ” อย่างแน่นอน ไม่ต้องปอกเปลือก หรือทุบ ดูเนื้อในทุกผลให้เสียเวลา ทำหรือฝึกบ่อยๆจึงจะชำนาญ ช่วงแรกอาจมีผิดบ้างเป็น ธรรมดา คนโบราณก็ใช้วิธีนี้เหมือนกัน
ส่วน วิธีผ่ารับประทาน คนเฒ่าคนแก่บอกเคล็ดลับว่า ถ้าต้องการให้เนื้อในของ “มะพร้าวกะทิ” ฟู หรือเหนียวแน่น อร่อย ต้องนวดก่อน โดยเอาผลที่ปอกเปลือกแล้วกระแทกกับพื้นปูนเบาๆรอบๆผลให้ทั่ว กะเวลาจนแน่ใจว่าพอแล้วจึงนำผลไปผ่าครึ่ง จะพบว่าเนื้อในฟูเป็นสีขาวคล้ายปุยฝ้าย ใช้ช้อนตักรับประทานได้เลย รสชาติหวานมันหอมอร่อยมาก
ปัจจุบัน “มะพร้าวกะทิ” มี 2 ชนิด พันธุ์ที่ ได้รับความนิยมรับประทานและนิยมปลูกกันแพร่หลาย ได้แก่ “มะพร้าวกะทิน้ำหอม” กับ “มะพร้าวกะทิน้ำหวาน” ซึ่งทั้ง 2 พันธุ์ เป็นพันธุ์ที่มีต้นเตี้ย สูงเต็มที่ไม่เกิน 2-3 เมตร ติดผลดก 15-20 ผลต่อหนึ่งทะลาย มีต้นขายที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร โครงการ 19 แผง “ดาบสมพร” กับโครงการ 13 แผง “คุณภิญโญ” และโครงการ 21 แผง “คุณพร้อมพันธุ์” ราคาสอบถามกันเองครับ.

การทำมะพร้าวกะทิ

วิธีที่ 1 ทำมะพร้าวจากมะพร้าวพันธุ์อะไรก็ได้ ถ้าต้องการให้ลูกออกมาเป็นมะพร้าวกะทิ ก็เอาถุงพลาสติกหุ้มจั่น จั่นก็คือดอกมะพร้าว 1 จั่นคือ 1 ทะลาย จั่นไหนถูกห่อด้วยพลาสติก จั่นนั้นหรือทลายดอกนั้นมันจะพิการ ทั้งนี้จะต้องห่อตั่งแต่กลีบจั่นเริ่มแย้มบาน ห่อไปจนกระทั่งมีลูกขนาดลูกหมากจึงค่อยเอาออก โดยทั่วไปมะพร้าวในทะลายที่ห่อจั่นประมาณ 80-90 % จะเป็นมะพร้าวกะทิ วิธีนี้เป็นการทำมะพร้าวกะทิแบบชั่วคราว มะพร้าวในทะลายอื่น ๆ ที่ไม่ได้ห่อจั่นจะไม่เป็นมะพร้าวกะทิ

วิธีที่ 2 เป็นการทำมะพร้าวกะทิแบบถาวร วิธีนี้ให้นำมะพร้าวที่เพาะไว้ ที่มีหน่อเหนือเปลือกขึ้นมาราว 30 ซม. แล้วใช้มีดตัดส่วนปลายตรงข้ามกับหน่อให้กะลาขาด จนเห็นเนื้อสีขาวและจาวสีเหลือง ภายในกะลามะพร้าวจากนั้นคว้านเอาจาวที่อยู่กลางกะลาออก เอาดินเหนียวอัดลงไปในกะลาแทนจาวจนเต็มและแน่นพอประมาณ สามารถนำไปปลูกได้ นายมานิตย์ เล่าให้ฟังว่า มะพร้าวที่ทำวิธีนี้จะเป็นมะพร้าวกะทิประมาณ 50 % หากจะเพิ่มปริมาณ ก็สามารถทำได้โดยให้เอาผลมะพร้าวที่ไม่เป็นมะพร้าวกะทิมาเพาะแล้วทำวิธีการเดียวกับที่กล่าวมานี้ ก็จะทำให้มะพร้าวในต้นใหม่เป็นมะพร้าวกะทิ ถึง 80 -90 % ทีเดียว มะพร้าวทุกพันธุ์สามารถทำมะพร้าวกะทิได้ทั้งสิ้น แต่ถ้าใช้มะพร้าวน้ำหอม ทำมะพร้าวกะทิไม่ดีเพราะมีกลิ่นเหม็นหืน มะพร้าวที่ดีที่สุดในการทำมะพร้าวกะทิคือ มะพร้าวกลาง



ที่มา :http://www.mcot.net
         http://www.udomgarden.com
         http://www.kasedtakon.com

8 ความคิดเห็น:

  1. อยากได้พันธุ์ไปปลูกบ้างต้องติดต่อที่ใหนคะ

    ตอบลบ
  2. ลองติดต่อที่ ศุนย์วิจัยพืชสวนชุมพร ดูนะค่ะ เบอร์โทร 077-556-073-4
    (เพราะเป็นผู้วิจัยพันธุ์มะพร้าวนี้ขึ้นมา) แต่ติดต่อยากน่าดู ไม่มีใครรับสาย
    พันธุ์นี้คงหายากหน่อยในช่วงนี้ เพราะมีน้อย แล้วจะพยายามหาช่องทางอื่นให้นะค่ะ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ18 ธันวาคม 2554 เวลา 10:28

    เห็นด้วยครับ ที่มีนวัตกรรมใหม่ แต่มีต้นกล้ามีไม่เพียงพอ จองต้องรอคิว 3 ปี ตกลงต้องปลูกมะพร้าวกะทิได้ ผลผลิต 6 ปี ผมว่าควรวิจัยพืชอื่นดีกว่า ครับ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ29 มกราคม 2555 เวลา 02:45

    หากจะสั่งซื้อผลมะพร้าวกะทิน้ำหอมเป็นลูกๆจะสั่งที่ไหนค่ะ ที่ชุมพรมีที่ไหนขอเบอรโทรติดต่อด้วย

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ1 พฤษภาคม 2555 เวลา 10:37

    อยากได้พันธุ์ไปปลูกบ้าง
    ไม่ทราบว่าติดต่อที่ใหนได้คะ

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ30 พฤษภาคม 2555 เวลา 15:51

    อยากได้บ้างจัง ผมอยู่ นคร ทุ่งสง พอหาได้ไกล้ๆบ้างไหมคับ

    ตอบลบ
  7. จองไว้ 2 ปีแล้วไม่ทราบเรื่องไปถึงไหนแล้ว แถมจำกัดจำนวนให้แค่ 10 ต้น ต้องไปรับเองที่กรุงเทพ ไม่คุ้มค่าน้ำมันรถแน่ๆ

    ตอบลบ
  8. แล้วจะได้ปลูกจริงๆมั้ยค่ะ หรือปลูก :-):-):-)ในฝันค่ะ

    ตอบลบ