วันจันทร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ส่งท้ายปีเก่าด้วยของขวัญจากใจ


วันนี้เป็นวันสิ้นสุดของปี พ.ศ.2555 แล้ว มันเป็นเพียงตัวเลขที่มันผ่านมาและก็ผ่านไป แต่สิ่งที่ดำเนินต่อไปก็คือการดำรงชีวิตของมนุษย์ สัตว์โลกทุกชีวิต รวมทั้งสรรพสัตว์ทั้งหลายที่เวรว่ายตายเกิดกันแล้วกันเล่า มันยังไม่สิ้นสุดวัฏจักรวงจรชีวิตของมนุษย์ไปได้ แต่สิ่งที่ยังคงกับโลกใบนี้ไม่มีเสือมสูญนั้นคือการทำความดีของเรานั้นเอง มันจะคงดำรงคู่ตลอดกาลนาน มันจะอยู่ในความทรงจำของคนที่ได้รู้ ได้พลานภพว่าบุคคลนั้นๆเป็นคนดีมากเพียงใด ณ วันนั้น ฉันรู้แก่ใจแล้วที่เขาว่า สวรรค์อยู่ในอกนั้นหมายถึง การที่ตัวตนของเราไม่ยึดติดกับสิ่งที่เลวร้ายผ่านเข้ามาในชีวิตเรา และอโหสิกรรมพร้อมไม่จองเวรกับสิ่งเหล่านั้น เราจะเกิดความสุขในใจของเรา และมันจะว่างเปล่า ซึ่งสิ่งเหล่านี้ฉันได้ทดสอบกับมันแล้วซึ่งมันได้เกิดขึ้นกับตัวฉันนั้นเอง ณ วันนี้ ฉันอโหสิกรรม และไม่คิดจองเวรกับคนที่กระทำร้ายกับฉัน ฉันบอกกับจิตใต้สำนึกของฉันตลอดว่าเราควร ตัดมันทิ้งไปซะ แล้วสิ่งที่ฉันได้รับมันคือความสุขที่มันเกิดขึ้นภายในจิตใจของฉันนั้นเอง มันรู้สึกโล่งๆในอก ทั้งๆที่ฉันมีปัญหามากมายที่ต้องให้ฉันเหนื่อยและล้ากับชีวิตที่ฉันได้รับในตอนนี้ แต่จิตข้างในฉันกับไม่หนักเบาและไม่ได้คิดอีกเหมือนเมื่อครั้งอดีตที่ผ่านมาเลย
นี้แหละคือของขวัญที่ฉันอยากฝากให้กับเพื่อร่วมโลกใบนี้ได้รับรู้ว่า หากเราอโหสิกรรมกับสิ่งเลวร้ายทุกสิ่งทุกอย่างตัวเรานั้นแหละจะเป็นฝ่ายเป็นสุขอย่างมาก แต่หากเมื่อเราเจ้าคิดเจ้าแค้น คิดจองเวรกับทุกสิ่งทุกเรื่องอาฆาตมาดร้ายไปเสียทุกเรื่อง จิตใต้สำนึกภายในจิตใจเราจะลุ้มร้อนเหมือนดั่งไฟที่มันเผาอยู่ข้างใน บทความนี้ฉันขอมอบให้กับเพื่อนที่เข้ามาอ่าน มาติชม ทุกท่านนะค่ะ  มันเป็นทั้งอุทธาหรณ์สอนใจเราให้เราเข้มแข็งและลุกขึ้นมาเผชิญกับทุกสิ่งด้วยหัวใจที่เข้มแข็ง เดินก้าวไปข้างหน้าและสู้อย่างถูกต้อง

                                    อโหสิกรรมกับสิ่งเลวร้าย      เดินก้าวไปด้วยจิตที่บริสุทธิ์  
                           สวรรค์ไม่ต้องไขว่คว้าแสวงหา     ความดีนั้นเล่าซิควรกระทำ



ขอให้ทุกท่านหลุดพ้นด้วยตัวของเราเองที่จะยึดมั่นปฏิบัติ มิใช่ทำความดีเท่านั้น สิ่งที่ควรปฏิบัติคือการไม่จองเวรซึ่งกันและกัน อโหสิกรรมกับทุกชีวิตที่ทำร้ายเราโดยเจตนาหรือไม่เจตนา สวรรค์อยู่แค่เอื้อม ความสุขที่ได้รับมันอยู่ในใจ เท่านี้ชีวิตมนุษย์ทุกชีวิตก็จะมีความสุขนั้นเอง

วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2555

วิธีดูแลผู้ป่วยเป็นกรดไหลย้อน


สวัสดีค่ะวันนี้เรามาดูกันว่าผู้เขียนมีเรื่องอะไรมาเล่าบอกต่อกันนะค่ะ เมื่อวานอาจจะเป็นความบังเอิญหรือว่าเป็นบุญที่เราอาจจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในโลกใบนี้ด้วยกันนะค่ะ เกือบปีกว่าแล้วที่ตัวฉันไม่ได้ไปหาคุณป้าท่านหนึ่งและสุนัจตัวโปรดที่มันช่างติดฉันเหลือเกิน มันชื่อเจ้ายู่ยี้ ขนมันปุยและตัวอ้วนกลม ฉันนำเสื้อผ้าไปซักที่บ้านหลังเล็กแห่งนี้มานานเมื่อตอนฉันอยู่ที่ทำงานเดิม มันเห็นฉันครั้งแรกก็กระดิกหางให้และหลังจากนั้นเราก็เป็นเพื่อนกัน ฉันจะซื้ออาหารไปฝากมันตลอด

แต่สิ่งหนึ่งที่เจ้ายู่ยี้มันชอบคือ มันชอบทานเงาะมากที่สุด และเมื่อวานฉันมีโอกาสได้ไปแถวนั้น ฉันได้กอดคุณป้ากับเจ้ายู่ยี้อีกครั้งหนึ่ง คุณป้าท่านคิดถึงฉันมากท่านคิดเหมือนฉันเป็นลูกท่านเพราะท่านไม่มีลูกสาว มีแต่ลูกชายที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ท่าน้ำตาคลอเมื่อเห็นฉันแล้วก็บอกฉันว่า เมื่อหลายเดือนท่านเกือบไม่ไหวแล้ว ท่านป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลไม่มีเงินเลย ท่านคิดถึงฉัน ไม่รู้ว่าฉันไปไหน ท่านอยากโทรหาฉันแต่ท่านไม่กล้า ท่านเป็นความดันและกรดไหลย้อน ท่านเล่าให้ฉันฟัง ฉันเลยแนะนำให้ท่าน บอกว่าลูกสาวก็เป็นนะค่ะเสียเงินไปเยอะ และก็หายแล้วเพราะการดูแลเรื่องอาหาร ฉันได้ให้คำแนะนำกับท่านว่า ท่านควรเลิกดื่มนมก่อนนอนหรือไม่ก็ทานนมมอุ่นตอนเช้าเท่านั้นพอ และพยายามทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น ฉันได้บอกสูตในการดื่มน้ำสมุนไพร เพื่อเป็นการลดกรดในกระเพาะ ลดน้ำตาล ไขมันอุดตันในเส้นเลือด ด้วยการที่ให้ท่าน นำกระชายมาปั่น คั้นน้ำ1แก้ว ผสมกับขมิ้นผง1/2ช้อนชา คนให้เข้ากันดื่มก่อนนอนทุกวัน และให้ท่านบริหารร่างกายเมื่อยามว่างนั่งหรือนอน ทุกอิริยาบทด้วย เพื่อให้กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นในร่างกายมีการกระตุ้นตื้นตัวตลอดเวลา มันจะสามารถช่วยให้ร่างกายแข็งแรงได้เป็นอย่างดีด้วยการฝึกโยคะ

ตามที่ฉันได้บอกท่านไว้ และบทความในวันนี้ ผู้เขียนได้แนบภาพและรายละเอียดการฝึก( รบกวนผู้อ่านเปิดชมท่าทางต่างๆได้ในบทความที่โพสต์การฝึกโยคะนะค่ะ ) ท่าทางต่างๆในการฝึกโยคะที่สามารถ ช่วยดูและร่างกายและสุขภาพของผู้สูงอายุมาให้ ไม่ใช่เพียงผู้สูงอายุเท่านั้นนะค่ะคนทุกวัยทุกเพศสามารถทำได้ หากเราไม่ต้องการไปหาหมอ หรือให้โรคภัยพวกนี้มาเยือนเรา ทำสมาธิให้จิตใจเราแนวแน่ในการออกกำลังกายกันนะค่ะ ผลดีต่อสุขภาพของเราในการฝึกโยคะ ดิฉันการันตีได้เลยว่าท่านจะไม่เหนื่อย ไม่เพลีย มีสุขภาพแข็งแรงทั้งภายในและภายนอกจริงๆค่ะ

วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

จุดจบของชีวิตที่ยุ่งเหยิง




บทความนี้อาจเป็นบทความสุุดท้ายของลูกผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องต่อสู้ชีวิตมาตลอดไม่ว่าจะสู้ด้วยความดีงามเพียงใดมันก็ไม่ได้ทำให้มรสุมชีวิตของเธอดีขึ้น มันยิ่งหนักมากขึ้นทุกวัน เธอตัดสินใจแล้วว่าเธอจะลาจากโลกใบนี้สักที ไม่ใช่ว่าเธอยอมแพ้ต่ออุปสรรคขวากหนามแต่เธอคิดและไตร่ตรองแล้วว่าชีวิตที่เธอมองและตัดสินใจว่าทุกคนต้องอยู่ได้ ทุกคนสามารถพึ่งตนเองได้แล้วโดยไม่มีเธออยู่ในโลกใบนี้ได้ เด็กๆก็คงจะอยู่กับพ่อของเขากันได้ เด็กๆรู้จักที่จะรับผิดชอบและจัดการกับการดำรงชีวิตได้เธอมั่นใจ หากไม่มีเธอ เหลือเพียงผู้หญิงแก่คนหนึ่งเท่านั้นที่เธอเป็นห่วง แต่ก็คงไม่ต้องเป็นห่วงมากมายเพราะเธอผู้นั้นมีทรัพย์สมบัติและบ้านของเธอเอง เธอคงขายและนำเงินมาดำรงชีวิตของเธอได้โดยไม่มีฉัน ฉันพยายามที่จะสู้กับอาจจะเรียกว่ากรรมแต่ในอดีตชาติหรืออย่างไร แต่เธอมีความทรงจำที่ดี จำได้ว่าในชาตินี้เธอไม่เคยทำกรรมกับผู้ใด มีแต่ให้ทานผู้อื่นเสียมากกว่า แต่ ณ วันนี้มันมีเหตุการณ์ที่หนักหนาสาหัสมากที่เธอได้รับเสียจนจะไม่เหลือซึ่งวิญญาณในร่างกายของเธอแล้ว เธอตัดสินใจที่จะลาโลกใบนี้ไปอยู่ในที่ๆซึ่งไม่มีทั้งวิญญาณและสังขารอีก
 มันจะคงเหลือจิตที่บริสุทธิ์ของเธอผู้นั้นเท่านั้นเองที่ล่องลอยอยู่ในที่ใดที่หนึ่ง ที่ไม่มีใครรู้ใครเห็นว่าเธอผู้นั้นไปไหน แต่ทุกชัีวิตที่รู้จักเธอ คงจะจดจำความดีงามที่ลูกผู้หญิงคนหนึ่งเคยสร้างไว้ ทั้งกับคนยากจน คนมี คนรวย หรือแม้กระทั่งขอทาน ลูกเด็กเล็กแดงที่เธอเคยมอบให้นั้นเอง ความดีงามของเธอผู้นั้นมันคงจะเป็นอุทธาหรณ์สอนเพื่อนมนุษย์ทุกชีวิตได้บ้างว่า ในโลกใบนี้เราเคยได้รู้จักเธอผู้หญิงตัวเล็กที่เกิดมาจากการปลูกรากฐานแห่งพระธรรมคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มันติดมากับตัวของเด็กสาวผู้นี้ตั้งแต่แรกเกิด ในจิตเดิมแท้ของแท้มีแต่่การสร้างความดีงาม ต่อสู้กับสิ่งชั่วร้ายหรือแม้กระทั่งเรื่องบางเรื่องที่คนอย่างเราคิดไม่ถึง แต่แล้วเธอก็จากไปคงเหลือไว้แต่ความทรงจำที่ดีงาม

วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ชีวิตที่ต้องพิสูจน์กับสวรรค์

เมื่อแหงนมองฟ้าขึ้นไปทุกครั้งและทุกครั้งที่มองก็นึกเสมอว่าสวรรค์ชั้นฟ้าดาวดึงส์ที่สรรพสัตว์ทุกชีวิตต้องการไปกันทุกชีวิตนั้นทำไมมันช่างงดงามเหลือเกิน และสิ่งที่อยู่หลังเส้นสุดขอบปลายเมฆนั้นมีอะไรและมันคืออะไร ทุกคนจะวาดภาพตามจินตนาการของแต่ละเรื่องแต่ละบทความกันไป หรือตามคำสอนต่างๆที่บันทึกไว้ในชาดกบ้าง หรือหนังสือต่างๆที่เราอ่านก็จะวาดภาพตามจินตนาการกันไป แต่สิ่งที่สำคัญที่อยู่เบื้องหลังของสวรรค์ชั้นฟ้านั้นคือดวงจิต
ของทุกชีวิตที่ทำความดีงามกันนั้นเองเมื่อละสังขารแล้วผู้ที่ทำความดีก็จะมีดวงจิตที่บริสุทธิ์และลอยไปอยู่ในที่ๆนั้น ไม่มีใครรู้ไม่มีใครทราบว่าหน้าตาของสวรรค์เป็นเช่นไร แต่สิ่งที่รับรู้ผู้ที่ทำความดีก็ไปในสถานที่สดสวยงดงามนั้นเอง แต่ทุกคนก็จะมีจินตนาการของแต่ละคน อย่างเช่นนักวาดภาพ ก็จะจินตนาการสวรรค์ไว้สวยสดงดงามเพื่อให้ผู้ที่เห็นภาพมีแรงบันดาลใจที่จะกระทำความดีนั้นเอง ทุกชีวิตของมนุษย์ปุถุชนจึงต้องทำความดีพิสูจน์ให้เห็นว่าการทำความดีนั้นเห็นผล และผลที่ได้สำหรับคนทำดีก็คือสิ่งที่ดีงามตอบแทน ก็เปรียบเสมือนคนๆนั้นได้ขึ้นสวรรค์ บางคนมักจะแย้งว่าแล้วสวรรค์หน้าตาเป็นอย่างไรเรา ดิฉันตอบแทนได้เลยว่าสวรรค์นั้นก็อยู่ที่ตัวเรานั้นเอง เราทำความดีเราก็มีความสุข เราทำบุญจิตใจเราก็สุข เราทำทานแบ่งปันผู้อื่นจิตใจเราก็เป็นสุขสดชื่นกับการกระทำความดีนั้นเอง จิตใจก็จะสว่างไสวเหมือนเทียนที่จุดขึ้นมาส่องสว่างไปทั่วในยามมืด

วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ความรักคืออะไร


นานทีเดียวที่บทความหายไปกับความทุกข์ของดิฉันที่มันเป็นมรสุมชีวิตที่โหดร้ายรุมมาปะดัง ลูกแล้วลูกเล่า ให้ฉันได้ต่อสู้และฟัรฝ่ามันให้ได้และพิสูจน์ให้ได้ว่าชีวิตลูกผู้หญิงคนหนึ่งในโลกใบนี้มันมีชีวิตที่จริงและเกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันนี้ อาจเกิดจากกรรมที่ได้กระทำไว้แต่ก็ยังมีบุญเก่าแต่อดีตที่ยังประกบตัวฉันไม่ให้ชีวิตของฉันที่ดำเนินอยู่กับอีก4ชีวิตต้องพังลง ไหนจะเรื่องความเป็นอยู่ของครอบครัวเล็กๆในบ้านหลังหนึ่ง ความรักที่แอบแฝงซ่อนเล้นลึกๆในใจของฉัน ความรักมันคืออะไร มันไม่มีขีดจำกัดหรือสิ้นสุดใดๆเลยว่าความรักจะแบ่งช่วงอายุหรือวัยที่แตกต่างกัน
 วัยรุ่น วัยหนุ่มสาว วัยทำงาน ทุกวัยความรักก็ยังมีอยู่ในใบนี้จริงๆ ฉันเคยเห็นโฆษณาอยู่เรื่องหนึ่งเป็นเรื่องความรักของชีวิตคู่ที่จนยามแก่แล้วก็ยังไม่ทอดทิ้งกัน







 ฉันตอบกับมันได้เลยว่าหากเรามีความรักที่บริสุทธิ์ ซึ่งกันและกันไม่ว่าแต่เป็นชนชั้นใด มันก็สามารถยืนยาวได้หากทุกชีวิตให้อภัยให้กันและกัน เข้าใจซึ่งกันและกันได้ ชีวิตคู่ที่เดินเคียงข้างความรักไปมันคงยืนยาวอย่างแน่นอน ใครเลยไม่อยากได้มัน ที่ความจริงมันไม่ใช่เสมอไป ชีวิตคู่ทุกวันนี้มันเกิดขึ้นไม่ใช่ด้วยความรักที่บริสุทธิ์อย่างที่ฉันคิด ถึงแม้ตัวฉันเองมีชีวิตไปครึ่งทางแล้วฉันก็ยังมีความคิดและแสวงหาความรักที่บริสุทธิ์และใครสักคนที่เป็นเช่นนั้น ชีวิตคู่ที่เกิดขึ้นมันเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น ให้บ้างที่มีความรู้สึกและความคิดเช่นฉันบ้างเล่าว่าทำไมมันถึงหายาก ฉันเคยอ่านหนังสือของคุณแม่ชีศันสนีย์ฉันรู้สึกประทับใจในความรัก ฉันของเรียกคำนี้ มันช่างเป็นความรักที่บริสุทธิ์บนเส้นทางแห่งธรรมะ เสียสละซึ่งกันและกัน ซึ่งไม่เคยพบเฉกเช่นนั้นเลย

วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555

โดดเดี่ยวโดยสิ้นเชิง

ชีวิตของมนุษย์นั้นเป็นเรื่องแปลกมีทั้งสับสนวุ่นวายต่างๆนาๆสารพัดเรื่องราวหลากหลายกันไป ตัวฉันเองก็ฒีสิ่งเหล่านั้นเหมือนเช่นมนุษย์ทั่วไปเหมือนกัน ฉันมีเลือดมีเนื้อมีความรู้สึกร้อนรู้สึกหนาวเหมือนผู้หญิงทั่วไป อยากมีใครสักคนเดินเคียงข้างฉันเวลาฉันเหงาฉันทุกข์ฉันเจ็บและล้ม ฉันก็ไม่ต่างกับผู้หญิงคนอื่นที่ต้องการใครสักคนฉุดมือฉันให้ลุกขึ้นอย่างเข้มแข็ง ถึงแม้ภายนอกฉันจะทนง องอาจหรือสง่างาม ไม่ว่าจะเป็นความอดทนเข้มแข็ง แต่มีใครบ้างที่รู้ไหมว่าภายในฉันนั้นอ่อนแอมากเมื่อเวลาฉันเหนื่อยฉันล้า ฉันเหงา ฉันก็เหมือนคนอื่นอยากมีชีวิตที่สดใสร่าเริง อยากมีคู่รัก
ที่เดินเคียงข้างกัน แต่อะไรเล่าที่ทำให้ฉันเป็นเช่นนี้ บาปกรรมแต่อดีตที่ฉันทำอย่างนั้นหรือ ทำไมมันช่างโหดร้ายต่อฉันเพียงนี้ ฉันเกิดมาก็ใช่จะสุขภายในเหมือนพี่น้องคนอื่นเลย ฉันโดนใช้ให้ทำทุกอย่าง หนึ่งเดียวในพี่น้องสามคน ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น แต่เมื่อโตฉันก็ยังต้องเป็นผู้นำอีก ฉันจะต้องทนทุกอย่างไปถึงเมื่อไหร่ นี้คือความคิดของฉันทุกครั้งเมื่อนึกถึงขึ้นมาตรงนี้ ยามที่ฉันเริ่มท้อแท้ใจและเหนื่อยล้าเสียเหลือเกิน ฉันไม่เคยมีชีวิตที่ด้วยขนาดเช่นทุกวันนี้เลย บางวันฉันแทบจะไม่มีเงินติตัวสักบาทเดียวแล้วอีกหลายชีวิตที่่ฉันต้องรับผิดชอบจะกินอะไรเหล่า โอกาสที่ได้รับก็หามีวี่แววจะสดใส อนาคตลูกน้อยจะเป็นเช่นไร มีใครไหที่จะให้โอกาสฉันได้ลืมตาและลุกขึ้นยืนบ้าง ฉันอยากให้โลกใบนี้รับรู้เสียเหลือเกินว่าในโลกใบนี้ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่มันน่าอนาถเสียกระไร

วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

หัวเลี้ยวหัวต่อ


แม้ถึงจะขึ้นโพสต์ที่น่ากลัวแต่เรื่องราวคงไม่ได้น่ากลัวจนผู้อ่านรับไม่ได้นะค่ะ มันเป็นเรื่องราวที่ฉันคิดว่าเป็นช่วงจังหวะชีวิตที่อันตรายสำหรับคนที่เป็นลูกและคนที่ดูแลอย่างฉันคือแม่นั้นเอง ฉันเพิ่งเข้าใจความรู้สึกและความห่วงแหนของคนที่เป็นแม่เมื่อก่อนตอนที่ฉันเป็นวัยรุ่น ฉันยอมรับเลยว่าความเป็นห่วงของคนที่เป็นแม่เป็นเช่นไร สัจจธรรมแห่งความเป็นจริงแล้วไซร้เมื่อวันที่มาถึง วันที่ฉันเป็นแม่คน ณ วันนี้ มันช่างโหดร้าย น่ากลัว และ วิตกไปหมดกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในแต่ละวัน เหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์มันเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ฉันต้องแก้ไขให้ผ่านวิกฤตนั้นๆๆปให้ได้นั้นเอง การที่ชีวิตครอบครัวหนึ่งๆจะผ่านอุปสรรคได้นั้นมันช่างยากลำบากแต่ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะไม่ยากเลยหากเรามีสมาธิและสติในการแก้ไขปัญหาเล่านั้นให้ผ่านไปได้ ฉันพยายามมอบความรักให้กับลูกตลอดเวลา ให้เด็กๆได้รับรู้ว่าคนที่เป็นแม่มีความรู้สึกเช่นไร ณ วันนี้ ให้พวกเขาได้รับรู้ว่าแม่นั้นสำคัญมากเพียงใด ในโลกใบนี้ไม่มีใครรักเราเท่าแม่ของเราแน่นอน
 ต่อให้ลูกมีนิสัยเช่นไร เป็นอะไรก็ตามแม่ก็คงรักลูกเสมอ ท่านให้อภัยเราตลอดเวลา เแกเช่น ฉันวันนี้ ฉันต้องทำได้อย่างนั้น บางครั้งย้อนอดีตกับไปฉันมีความรู้สึกว่าท่านไม่สนใจฉันแต่ ณ วันนี้ เราลองเอาหัวใจของท่านมาใส่หัวใจของเราที่เป็นแมม่วันนี้ ฉันรับรู้ได้เลยว่าท่านรักเรามากเพียงใด หากไม่มีท่านวันนั้น คงไม่มีฉันวันนี้และคงไม่มีลูกฉันในวันนี้เช่นเดียวกัน ฉันยังคงจดจำภาพในอดีตได้เมื่อครั้งที่ฉันป่วยตอนนั้นเป็นไข้เลือดออก ท่านอุ้มฉันไปหาหมอตั้งไกล เป็นเวลาหลายวันจนฉันหาย กลับมานึกถึงภาพตอนลูกฉันป่วยบ้าง ความรู้สึกข้างในบอกว่าหัวใจของฉันจะสลายทุกครั้งที่ลูกสาวป่วย ฉันจึงรับรู้ได้ว่าภาพในอดีตที่แม่อุ้มฉันคงไม่ต่างไปจากฉันในตอนนี้อย่างแน่นอน ฉันรู้แล้วว่าวงจรชีวิตของมนุษย์เรานั้นไม่ต่างกันไปมันจะหมุนวงล้อกรรม และความดีไปรอบๆตัวของมนุษย์อย่างเรานั้นเองแฃะมันก็คือกระจกเงาส่องทั้งอดีตและปัจจุบันของเรานั้นเองให้เรารับรู้ว่าอดีตของใครคนหนึ่งเป็นเช่นไร เราก็เป็นเช่นนั้น เหมือนที่ มีบทความบางบทเขียนสอนเกี่ยวกับการแก้กรรม ฉันเข้าใจแล้วว่ามันเป็นเช่นไร มันแก้ไม่ได้แต่สามารถทำให้มันดีได้ ดั่งที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยตรัสรู้
แด่องคุลีมารนั้นเอง มันอาจจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้แต่เราคิดว่าเราสามารถทำให้มันดีได้ด้วยการใช้สติและสมาธิในการควบคุมอารมณ์และสานการณ์ต่างๆให้มันดีและทำจิตให้นิ่งมากขึ้นไม่ปล่อยให้โมหะโทสะมาครอบงำจิตใจของเรานั้นเอง ณ วันนี้ฉันคิดว่าฉันดีขึ้น ใจฉันเย็นลงเมื่อเจอสถานการณืที่แย่กับจิตใจ นี่หรือคำว่ามนุษย์ที่เกิดมาวกวนไปมากับห้วงของวงเวียนกรรมดีและกรรมชั่วนั้นเอง

วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

พี่ชายที่แสนดี


ยามเย็นวันนี้ช่างเป็นวันที่ฉันรู้สึกว่าสบายใจขึ้นมาบ้างแต่ก็มิใช่ว่าจะทั้งหมด ฉันได้อ่านประวัติผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันคิดว่าเขาคือพี่ชายที่แสนดีคนหนึ่งที่เกิดมาร่วมโลกใบนี้เสียจริงโดยที่ผู้ชายคนนี้มิใช่สายเลือดใดๆเลยแต่หากว่าเธอคนนี้มีจิตเมตตากรุณาเสียนี่กระไร เกิดมาฉันก็ยังไม่เคยเห็นใครที่มีน้ำใจและเมตตากรุณาเช่นนี้ ยามที่ฉันเดือดร้อนแทบจะไม่ทราบว่าจะหันไปหาใครแล้ว มิใช่ว่าจะไม่มีคนช่วยแต่ฉันคิดแล้วคิดอีกว่าจะเอ๋ยปากกับผู้ใดดีเล่า หากถ้าฉันเอ๋ยปากแล้วคนเล่านั้นปฏิเสธฉัน ฉันจะทำเช่นไรคงจะโดนดูถูกมากมายเสียเหลือเกิน เพราะฉันไม่เคยที่จะไปเอ๋ยปากว่าฉันเดือดร้อนแทบปางตายแล้ว ขาสองข้างฉันจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว แต่ ณ วันนี้ฉันคิดว่ากรรมที่ฉันทำไว้และบทลงโทษจากข้างบนคงค่อนข้างจะเริ่มน้อยลง มรสุมชีวิตที่โหมกระหน่ำฉันและครอบครัวคงเบาลง สัปดาห์ที่แล้วฉันได้รับโทรศัพท์จากบริษัทฯแห่งหนึ่งเชิญฉันไปสัมภาษณ์งาน ( ฉันดีใจจนนั่งน้ำตา
ไหลเหมือนเสียงสวรรค์จริงๆ ) และด้วยความบังเอิญฉันก็ได้รู้จักผู้ชายที่แสนดีคนหนึ่งที่คุยกันไม่กี่ชั่วโมงและเธอผู้นั้นได้เปิดอ่านบทความที่ฉันเขียน ผู้ชายที่แสนดีคนนี้บอกฉันว่า ทึ่งกับความสามารถของฉันและอ่านบทความคิดว่าหน้าจะเป็นเรื่องราวของฉันจริงๆ และเราได้คุยกัน พี่ชายที่แสนดีคนนี้ได้สอนและให้กำลังใจฉันให้ลุกขึ้นสู้และสิ่งที่ไม่คาดคิดเธอได้ช่วยเหลือฉันวันที่ฉันวิกฤ๖แบบหาทางออกไม่เจอเลยจริงๆ ฉันอยากบอกให้ทุกคนรู้แต่คิดดูว่าอาจจะเป็นเพียงกลุ่มน้อยเท่านั้น หากความดีของผู้ชายคนหนึ่งที่มีจิตใจที่ดีงามและมีเมตตาจิตที่บริสุทธิ์อย่างนี้ทำไมเราไม่เผยแพร่ความดีงามและบอกให้คนทั้งโลกรู้เล่าว่าในโลกใบนี้ยังมีคนดีอยู่อีกคนหนึ่ง ที่ยังต่อสู้เพื่อครอบครัวแม้จะเหน็จเหนื่อยเพียงใดแต่จิตใต้สำนึกแห่งการสร้างความดีของบุคคลผู้นี้ก็ไม่เคยหายไปากจิตใต้สำนึกของเขาผู้นั้นเลย ต่อให้เขาร่ำรวยมั่งคั้งเพียงใดเขาก็ไม่เคยลืมความเมตตที่มีต่อเพื่อนมนุษย์เลยสักครั้ง สักวันหากฉันมีโอกาสฉันคงต้องไปกราบเท้าผู้ชายที่แสนดีคนดีให้จงได้ ฉันสัญญากับตนเองไว้เช่นนั้น

วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ขอบคุณสำหรับทุกก้าวย่างที่ข้ามฉัน


วันนี้อาจเป็นวันที่ฉันได้เริ่มลุกขึ้นยืน แต่จะเข้มแข็งหรือไม่นั้นอยู่ที่ตัวฉันจะก้าวเท้าแรกออกไปเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่าอนาคตและความสำเร็จของดวงใจน้อยๆของฉันทั้งสามคนและอีกดวงใจหนึ่งคือพระที่เหลือในบ้านอีกรท่านหนึ่งที่ฉันคงต้องกราบท่านทุกวันเหมือนเดิมก่อนไปทำงาน อีกไม่กี่วันเท้า2ข้างของฉันจะก้าวสู่การทำงาน มันจะพิสูจน์ให้ฉันเห็นว่าตัวฉันทำได้หรือไม่ เท่านั้นเองกับอนาคตทั้ง3ของฉัน

 มาวันนี้ฉันอยากบอกให้โลกรับรู้ว่า ฉันขอขอบคุณทุกเท้าที่ก้าวข้ามฉันไม่ว่าจะเหยียบย้ำหรือกระโดดข้ามฉันให้ฉันได้รับอะไรบ้างก็ตาม แต่ฉันขอบคุณทุกเท้าเหล่านั้นที่ทำให้ฉันเข้มแข็งและลุกขึ้นอย่างมั่นคง ขอบคุณทุกชีวิตไม่ว่าจะเป็นพี่ น้อง เพื่อนฝูงที่ทำให้ฉันล้มแบบไม่มีวันลุก แต่ฉันคิดว่านั้นคือบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่จริงๆ ฉันอโหสิกรรมกับพวกเขาเหล่านั้น ฉันให้อภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่ามันจะเป็นบ่วงกรรมในอดีตภพภูมิเดิม หรือ สิ่งที่ฉันก่อไว้ในภพภูมินี้ก็ตาม ฉันคิดว่าฉันกระทำความดีโดยไม่ได้หวังผลตอบแทนใดๆ และฉันไม่ได้หวังว่าการทำความดีแล้วฉันต้องได้รับผลตอบแทนจากการทำความดีให้ฉันลุกได้แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของชีวิตนั้นก็หมายถึง4ชีวิต 4ดวงใจที่รอฉันลุกและก้าวเดินจูงมือไปสู่อนาคตที่สวยงามมากกว่า วันนี้ฉันมาเพื่อขอบคุณเพื่อนทุกคนที่ฉันผ่านพบ พี่ทุกคนที่ฉันรู้จัก ด้วยเจตนาใดๆที่ตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ คิดหรือไม่ได้คิดไตร่ตรองกับผลของการทำความดี ถึงแม้ท่านเหล่านั้นจะนำพาซึ่งความหายนะสู่่ฉัน ฉันถือว่าวันนี้ฉันได้แจ้งความเจตนาอโหสิกรรมแด่ทุกท่านทั้งแล้วสิ้้น เพราะฉันคิดว่าสิ่งที่ฉันไม่รับรู้หรือรับรู้หากเราอโหสิกรรมต่อกันไม่จองเวรซึ่งกันและกัน มันคือสิ่งที่ดีที่สุดและเป็นมงคลต่อชีวิตของฉันแล้ว ดังองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้
และสั่งสอนเหล่าสรรพสัตว์ทุกชีวิตในโลกใบนี้ไซร้โดยแน่แท้ ฉันอนุโมทนาแด่ทุกชีวิตเหล่านั้นจริงๆ นั้นหมายถึงก้าวแรกของการย่างไปจะต้องก้าวเดินอย่างระมัดระวังให้เป็นอย่างดีและปลอดภัยไม่เหมือนที่ผ่านมา และฉันก็จะไม่ย้อนอดีตกับไปคิดถึงมันแต่จะจดจำไว้เป็นบทเรียนที่มีค่าและราคาแพงมากที่สุดในชีวิตของฉันให้ซึ้งถึงสัจจธรรมโดยแท้จริงว่าในโลกใบนี้ไม่มีใครที่เห็นดีงามและรักเราสุดชีวิตเท่ากับพ่อแม่และลูกของเราแล้ว ฉันควรจะก้าวเดินเพื่อเขาอย่างระมัดระวังในต่อแ่นี้ไป

วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2555

นาทีวิกฤตที่ไร้สติ

ใต้สายฝนอันชุ่มฉ่ำใครจะรู้บ้างเล่าว่าบ้านหลังปานกลางนั้นจะซ่อนด้วยน้ำตาของลูกผู้หญิงคนหนึ่ง ยามค่ำคืนเธอจะแอบร้องไห้เพียงลำพังไม่มีใครเห็นภายในห้องน้ำเล็กๆยามค่ำคืน ชีวิตของเธอผ่านมรสุมชีวิตที่หนักแสนสาหัสคนเดียวที่ต้องรับผิดชอบชีวิตอีก4ชีวิตให้คงดำรงอยู่พร้อมทั้งอนาคตที่สวยสดงดงามที่เธอเฝ้ารอคอย 3ชีวิตที่ไร้เดียงสา กำลังเติบโตเป็นหนุ่มสาวนั้น
 หารู้ไม่ว่าภายในห้องน้ำเล็กมุมหนึ่งมีหยาดน้ำตาของผู้หญิงคนหนึ่งที่เรียกว่าแม่หล่นลงกับพื้นห้องทุกวัน ไม่มีใครรู้เลยว่าผู้หญิงตัวเล็กๆคนนั้นจะเจ็บปวด เหนื่อยแสนสาหัสเพียงใด เธอต้องดิ้นรนกระเสือกกระสนหารายได้เข้ามาหล่อเลี้ยงทุกคนไม่ให้ทุกคนรู้สึกว่าอะไรเกิดขึ้นภายในบ้าน จากชีวิตที่เราเคยสุขสบายอยู่อย่างพอเพียง ครอบครัวน้อยๆนี้มีกินมีใช้เพราะหัวหน้าครอบครัวตัวเล็กๆคนนี้หาเลี้ยง แต่ ณ วันนี้ใครเล่จะรู้ว่า หัวหน้าครอบครัวจะเจอมรสุมชีวิตหนักหนาสาหัส ไหนหนี้สินที่ธนาคารติดตาม ไหนค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้าน มาเจอมรสุมหนัก ภัยพิบัติน้ำท่วมอีก ชีวิตของเธอแย่จนเธอแทบล้มทั้งยืน จากสายตาหลายๆคนที่มองอยู่รอบๆ แต่ความรู้สึกเหล่านี้หาพ้นสายตาคนไหนบ้านที่เฝ้ามองดูผู้หญิงคนนี้จัดการเรื่องราวทั้งหมดภายในบ้านด้วยความสุขุมมากขึ้น เธอจะนิ่งมากขึ้นมีสติมากขึ้น ในการดำรงชีวิตในปัจจุบัน เธอยึดมั่นกับคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพิ่มคำอธิบายภาพ
มากขึ้นทุกวัน กระทำแต่ความดีมาตลอดชีวิตของเธอผู้นี้ ความมีเมตตาธรรมที่เธอยึดแน่นเพราะคำสั่งสอนของคุณยายเธอที่เฝ้าสอนเธอมาตลอด ให้ทำแต่ความดีนะลูกไม่เบียดเบียนใคร แต่มาวันนี้เธอเศร้ามากขึ้นจากศักดิ์ศรีที่เธอยึดมั่นไม่เคยเบียดเบียนใคร แต่นาทีวิกฤตในการที่เธอจะต้องพาทุกคนไปให้ถึงฝั่งเธอได้ผิดคำสั่งสอนของการทำความดี ต้องหันหน้าไปหยิบยืมเงินทองมากขึ้น ทั้งที่เธอไม่เคยเอ๋ยปากกับใครเลย ทั้งๆที่เมื่อก่อนเธอเป็นผู้ให้คนเหล่านั้นด้วยซ้ำไป ทำไมกรรมในอดีตที่ในชาตินี้มนุษย์อย่างเราๆไม่มีใครรู้ว่าอดีตชาติของแต่ละคนทำบาปอะไรไว้ การทำความดีในชาตินี้ไม่สามารถลบล้างบาปในอดีตได้เลยหรือ ฉันเฝ้าคิดตลอดเวลา ข้างบนลงโทษอะไรฉันแทบปางตายเช่นนี้นี้คืออีกบทความหนึ่งที่ได้เกิดขึ้นจริงในสังคมปัจจุบันนี้ และยังมีครอบครัว ชีวิต อีกมากมายที่ประสบปัญหาเหล่านี้ สติ สมาธิ นี่คือสิ่งที่ท่านทุกคนควรยึดมั่นในการดำรงชีวิต หากเราขาดสิ่งเหล่านี้เมื่อใด ชีวิตก็ไร้ซึ่งวิญญาณ นั้นคือการตัดสินใจและการหาทางออกของมนุษย์ทุกวันนี้ ทุกปัญหามีทางแก้ไขหากมนุษย์ยึดมั่นในคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เทอญ

วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ชีวิตที่ไร้วิญญาณ

หากฉันเป็นผู้หญิงคนนี้คนไร้ซึ่งเรี่ยวแรงและวิญญาณเป็นแน่แท้ มรสุมชีวิต โชคชะตา หรือกรรมแต่ชาติก่อนกันที่ทำให้เป็นเช่นนั้น มันช่างโหมกระหน่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนฉันไม่มีเรียวแรงจะยืนหยัดแล้ว เมื่อไหร่หนอฉันจะได้กลับไปในที่ๆฉันเคยมา ทำไมช่างลงโทษกับฉันเช่นนี้ การทำความดีในชาตินี้มันไม่มีความหมายหรือไรสำหรับคนที่มีเมตตาธรรมกับผู้อื่นเสมอมา ตั้งแต่ฉันลืมตามาดูโลกใบนี้ ฉันมีแต่มองสิ่งที่ดีๆให้กับผู้อื่นด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ผลบุญที่ฉันได้รับมันช่างแสนสาหัสเสียนี้กระไร
 ฉันท้อแท้เหลือเกิน แต่ก็ยังมีอีก4ชีวิตที่ฉันต้องรับผิดชอบพวกเขาเหล่านั้นเขาเปรียบเสมือนชีวิตและดวงใจของฉันจริงๆ คุณแม่แม้ท่านจะมีอะไรที่มากมายจนทำให้ลูกหลานรำคาญใจแต่อย่างไรท่านก็เป็นที่รักของฉันเสมอ ลูกๆที่แสนจะวุ่นวายแต่เขาทั้งสามก็เป็นดวงใจของฉัน แล้วฉันจะด่วนไปจากพวกเขาได้อย่างไร ฉันยังมองไม่ออกมาฉันจะหาทางช่วยครอบครัวฉันได้อย่างไร เราเคยสุขสบายแต่ ณ วันนี้ ฉันคือต้นเหตุที่ทำให้ทุกคนลำบากเหลือเกินบางวันไม่มีแม้แต่ข้าวสารติดหม้อด้วยซ้ำไป วันนี้ฉันไร้ซึ่งพลังจริงๆหรือฉันไม่สามารถลุกขึ้นได้เลยหรือ ไม่มีใครให้โอกาสให้ฉันได้ลุกขึ้นบ้างเลยหรือไร

วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ความลึกลับในใจผู้ชาย

สวัสดียามบ่ายค่ะคุณผู้อ่าน วันนี้ตัวผู้เขียนมีเรื่องสงสัยภายในใจและอาจจะสับสนกับความลึกลับอะไรบางอย่างที่มนุษย์ผู้ชายส่วนใหญ่ดูยากมาก ฉันไม่เข้าใจตั้งแต่เริ่มวัยสาวจนถึงทุกวันนี้จนลูกๆเติบใหญ่แล้วว่า ทำไมมนุษย์ผู้ชายที่เราเห็นๆกันอยู่ทำไมเขาเหล่านั้นึงได้ซ้อนความรู้สึกภายในกับเพศตรงข้ามกันมากมาย มันน่าอายหรือว่ากระไรทำไมถึงไม่พูดออกมากัน บางคนชอบ เกลียด หรือว่ามีความรูสึกเช่นไรแต่กับทำตรงกันข้ามกับเรื่องจริงไปหมด หรือว่าคำว่า ศักดิ์ศรีความเป็นชายกันเล่าถึงทำให้เพศตรงข้ามกับเราเขาไม่พูดออกมา และสิ่งเหล่านี้กระมั้งที่ทำให้เพศหญิงอย่างเราๆคิดเองเออเองกันยกใหญ่ บ้างก็คิดว่าเขาชอบเรา เราชอบเขา พอถึงเวลา ก็ว่าไม่ชอบไม่ได้แสดง และอะไรรู้ไหมค่ะหากมีครอบครัวกันไป พอถึงเวลาบอกว่าไม่ใช่ สิ่งที่ตามมาก็คือ ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม หากเป็นครอบครัวก็แยกทางหย่าร้างกันไป
คำตอบง่ายๆคือเข้ากันไม่ได้ หากเป็นวัยรุ่นก็คบไปได้นิสัยไม่ตรงกันก็บอกว่าไม่ได้ชอบ พฤติกรรมตรงนั้นตรงนี้ไม่ได้หมายถึงแสดงว่าชอบ ตัวฉันยังไม่เข้าใจว่ามนุษย์ผู้ชายเขาคิดอะไรกัน ดูเหมือนจะเข้าใจกันแต่ก็ไม่เข้าใจกัน ดูมนุษย์ทั้งเพศหญิงเพศชายทั้งหลายมีปัญหา ฉันมานั่งสรุปว่า แล้วตัวเราเกิดมาทำไมเริ่มเบื่อชีวิตความเป็นมนุษย์เข้าไปทุกที่เมื่อหันไปคิดมัน อยากออกบวชหรือสละร่างแล้วจังเลย ยามว่างฉันจะคิดเสมอว่าเมื่อเราจิตว่างสงบและหากเราไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง ตัวเราควรจะสละร่างเพื่อสาธาารณะชนได้แล้วกระมั้ง ทุกวันนี้ฉันเฝ้าคิดตลอดเวลา เมื่อันใช้ยามว่างนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ๆฉันรู้สึกว่ามันว่างจริงๆ อยากให้เวลามันหยุดเพียงเท่านี้เสียเหลือเกิน ไม่ใช่เบื่อโลกนะค่ะแต่ฉันอยากเป็นอากาศมากขึ้นทุกทีๆ
ฉันเคยตั้งเป้าหมายในชีวิตบั้นปลายเมื่อยามเป็นผู้เฒ่าว่าอนาคตของฉันจะอยู่อย่างไรเมื่อรู้คำตอบมากขึ้น ณ วันนี้จิตใจของฉันเริ่มเย็นลง มีสติ สมาธิและวิเคราะห์ได้มากขึ้น ว่าเมื่อไหร่ภาระกิจที่เราได้ถูกมอบหมายให้ทำนั้น เมื่อไหร่เสร็จสิ้นฉันขอกลับไปสู่ที่ๆที่ฉันมาเสียที ชีวิตของฉันคงมีค่ามากขึ้นอย่างแน่นอน ฉันคิดเช่นนั้นจริงๆ แต่จะเป็นไปได้ไหมนั้น ฉันบอกตัวเองเสมอว่า กาลเวลาคือเครื่องพิสูจน์จิตมนุษย์นั้นเอง

วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2555

รักลูกมากเกินพิกัด


ฉันจำไม่ได้ว่าการแสดงออกของฉันเป็นการรักลูกและห่วงลูกมากเกินไป นี่คือ คำกล่าวขานของผู้พบเห็นทุกคนที่ใกล้ชิดและรู้จัก จะทักทายและบอกให้ฉันได้ยินเสมอว่า เธอรักลูกและห่วงมากเกินไปหรือเปล่าจ๊ะคุณเพื่อน
ฉันยอมรับว่าฉันรักลูกและเฝ้ามองเขาและเธอเติบโต ความคิดขอฉันมันฝังจำว่าฉันไม่เคยได้รับเพราะท่านไม่เคยบอกเราแต่มาทุกวันนี้ วันที่ฉันเป็นแม่แล้วนั้น ฉันย้อนกลับไปถึงภาพที่สองมือทั้งสองหิ้วกระเป๋าพาฉันและน้องสาวไปส่งโรงเรียนทุกวัน พอตกกลางวันสองมือนั้นก็จะหิ้วปิ่นโตและน้ำไปให้เราทั้งสองคน เวลาเราไม่สบาย ก็จะมีสองมือที่หยาบกร้านนั้นอุ้มเราไปหาหมอ ฉันจึงเข้าใจว่าคนเราบางคนก็ไม่พูดอะไรเพราะถูกเลี้ยงมาเช่นนั้นแต่ลึกๆของจิตใจของท่านทั้งสองก็คงไม่ต่างกันว่าท่านทั้งสองรักเราสองคนพี่น้องมากเพียงใด จากการแสดงออกที่ภาพอดีตยังคงเวียนอยู่ในสมองและความทรงจำของฉัน ฉันไม่เคยลืมเมื่อนึกถึงอดีต ภาพที่คุณแม่ท่านพาฉันไปส่งที่โรงเรียน

จนถึงชั้น ประถมปีที่ 7 จนเพื่อนและครูแซวกัน จนต้องบอกท่านว่า คุณแม่เพื่อนกับครูแซวแล้วหล่ะ นั้นหล่ะค่ะถึงได้เป็นจุดเปลี่ยนของการเติบโตของฉัน ฉันเริ่มออกเดินทางไปโรงเรียนกับน้องสาวตามลำพังโดยไม่ยอมขึ้นรถเมล์ไม่ใช่ไม่มีสตังค์นะค่ะ แต่เพราะกลัวตกรถและเลยป้ายต่างหาก อ้อมีเรื่องย้อนอดีตไปทุกครั้งที่คุณแม่จะเล่าเรื่องเก่าๆเรื่องการอดนมของลูก ท่านจะต้องมีเรื่องเล่าถึงฉันในอดีตเสมอว่าเป็นเด็กที่เลิกทานนมขวดช้ามากๆ จนคุณครูต้องบอกห้ามคุณแม่ว่าห้ามให้ฉันพกขวดนมไปโรงเรียนโดยเด็ดขาดไม่เช่นนั้น ลูกจะอ่านหนังสือไม่ชัดและพูดไม่ชัดด้วยจนคุณแม่ตัดสิ้นใจเอาบรเพ็ดทาที่จุกนม นั้นก็หมายถึงว่าฉันต้องอดทานนมขวดตั้งแต่นั้นมารู้สึกถ้าจำไม่ผิดประมาณ 5 ขวบนั้นเอง ฉันนั่งนึกถึงคำพูดเพื่อนแล้วตัวเองย้อนอดีตกลับไปถึงคุณแม่ตัวเองทุกครั้ง และพูดกับตัวเองเสมอว่าฉันยังรักลูกไม่มากเหมือนคุณแม่ฉันนะ คุณแม่ฉันรักฉันและน้องสาวมากกว่าเสียด้วยซ้ำไปแต่ท่านไม่พูด จนถึงทุกวันนี้ท่านก็คงถามฉันเสมอเวลาฉันก้าวเท้าออกจากบ้าน จะเป็นคำถามที่ได้ยินเสมอ ว่า ไปไหนหากเราไม่ทำความเข้าใจก็จะหงุดงหิดกันไปว่า โตแล้วจะถามทำไมกัน แต่ ณ วันนี้ฉันยอมรับว่า ธรรมะ และการมีสติและสมาธิตั้งมั่นให้สงบ ธรรมะสามารถทำให้ใจฉันสงบนิ่งมากขึ้นและเมื่อลูกเราโตขึ้น ฉันยิ่งต้องตั้งสมาธิและสติให้นิ่งและใจเย็นในการเลี้ยงลูกในปัจจุบันจริงๆ

วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2555

สายใยแห่งความผูกผัน

อรุณสวัสดิ์ท่านผู้อ่านที่น่ารัก เมื่อวานนี้เราพบกับบรรยากาศความร้อนระอุกันไปแล้วนะค่ะ เมื่อคืนนี้ตัวผู้เขียนได้มีโอกาสยามว่างนั่งนึกถึงบทความที่เขียนไปแล้วเกี่ยวกับการดูแลลูกหลานของเราในแต่ละวัย นั่งอ่านบทความแล้วบทความเหล่า นึกได้ว่ามีบทความหนึ่งที่ประทับใจในตัวเราเองก็คือการเฝ้าติดตามมองดูลูกสาวและลูกชายเจริญเติบโตในแต่ละช่วงเวลา มีทั้งบทเรียนราคาแพงสำหรับคนที่เป็นแม่และลูกก็มี ตัวผู้เขียนเคยนั่งนึกถึงว่าอดีตชาติที่แล้วเราคงทำบุญไว้มากพอที่ปัจจุบันเราได้ลูกสาวที่น่ารักมานั่งนึกย้อนอดีตเจ้าหนูน้อยร่างอวบแก้มแดงเติบโตมาจัดลำดับถือว่าเป็นเด็กน้อยที่เลี้ยงง่ายมากกินนมเสร็จนอนหลับ จะหยุดพูดก็ต่อเมื่อง่วงนอนเท่านั้น เราก็ได้แต่เฝ้ามองสาวน้อย
ผู้นั้นเติบโตขึ้นมาอย่างสวยงาม มันอาจจะมีอุปสรรคแต่ก็ผ่านไปด้วยดี ตัวผู้เขียนเองเพิ่งจะเกิดศรัทธาแรงกล้ากับคำว่า " แม่ " ก็ ณ วันนี้ว่าคนที่จะเป็นแม่สมบูรณ์แบบนั้นจะต้องเป็นเช่นไร ต้องมีสติ สมาธิ ความสุขุมเยือกเย็นอย่างมากในการเลี้ยงดูลูกให้ผ่านไปในแต่ละปีที่สาวน้อยเจริญตามวัย การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในวัยเด็ก วัยทีนเอจ วัยรุ่น จนกระทั่งเริ่มเข้าสู่วัยหนุ่มสาว จนถึงวัยผู้ใหญ่อย่างเรา การเปลี่ยนแปลงของลูกทำให้ตัวผู้เขียนนึกย้อนไปถึงตัวเองในวัยต่างๆที่เราพอนึกอดีตได้ว่าเราเป็นเช่นไรเกเร เรียบร้อย หรือไหม สายใยของความผูกผันที่แม่และลูกมีให้กันแม้จะเกิดอุปสรรคอย่างไร ดิฉันคิดว่าเราต้องใช้สติและไม่ใจร้อน อดทนและหนักแน่นในการเลี้ยงลูกจริงๆ หากเราต้องการให้ลูกของเราเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพจิตใจที่ดีงามและสวยงามจริงๆ แฝงไปด้วยความอบอุ่นที่แม่มอบให้ลูก และลูกมอบให้แม่ ตัวฉันเองเป็นคนที่เขาเรียกว่าบ่อน้ำตาตื้น เป็นคำพูดของคุณแม่สมัยก่อนที่ชอบเรียกเรา ดูหนังเศร้าก็ร้องไห้ ดุนิดหน่อยก็ร้องไห้ เห็นคนแก่ข้างทางก็น้ำตาไหล ตัวฉันเป็นเช่นนั้น ยามที่ฉันสอนลูกมักจะน้ำตาไหลไม่ใช่ฉันขี้แยแต่ฉันจะเศร้าทุกครั้งที่มีการเจรจากับลูกๆ หรือกับคนอื่นหากทะเลาะก็น้ำตาไหลเหมือนกัน
 คุณยายฉันเคยบอกเสมอว่าฉันเป็นคนช่างสงสารคนมาตั้งแต่เด็กแล้ว เชื่อหรือไม่ค่ะว่าฉันเลี้ยงลูกๆ ไม่เคยตี อ้อมีอยู่ครั้งหนึ่งตอนนั้นอาบน้ำให้ตอนเด็กเล่นกัน เล่นไปเล่นมาเกิดอาการอะไรจำไม่ได้ ฉันลองทำโทษ1ทีที่ก้น เชื่อไหมค่ะว่าร้องไห้ไม่เลิกแถมตัวฉันเองรู้สึกไม่ดีเมื่อเห็นน้ำตาสาวน้อย ตั้งแต่นั้นมาฉันไม่เคยตีลูกอีกเลยใช้วิธีอธิบายกันด้วยเหตุผลซะมากกว่าที่จะใช้ไม้ แต่มีคนส่วนใหญ่จะว่าทำไมไม่ตีเมื่อลูกทำผิด ฉันบอกว่าเราสอนเขาได้ด้วยเหตุและผลทำไมต้องตีกันด้วย เพียงฉันหยิบไม้เรียวสาวน้อยฉันก็ร้องไห้แล้ว  มาถึงตรงนี้ฉันก็ยังนึกถึงเวลาลูกๆไปเข้าค่ายลูกเสือเนตรนารี ฉันจะไปด้วยตลอดเวลา สายใยที่เราคิดถึงกันมันแฝงอยู่ลึกๆของหัวใจเราแม่ลูกเสมอ ณ วันนี้ฉันทราบแล้ว่าคุณแม่ของฉันท่านอาจจะเป็นคนที่ไม่พูดไม่แสดง แต่ ณ วันนี้ฉันก็รับรู้แล้ว คำว่า " แม่ " นั้นสำคัญและรักลูกเสมอไม่ว่าลูกจะทำผิดอย่างไรท่านก็ให้อภัยและไม่ถือโทษลูกเลย

วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2555

ระยะทางการทำความดี

สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน ตัวผู้เขียนห่างหาย การทำความดีต่อคุณผู้อ่านไปนานนะค่ะ เช้าวันอาทิตย์ที่ดูทีท่าว่าจะอากาศเย็นฉ่ำสดชื่นด้วยสายฝนยามเช้า ได้ไม่นานก็พบกับแสงแดดเจิดจ้าจากพระอาทิตย์ที่รีบชิงมาทำหน้าที่เป็นประจำนะค่ะ ช่วงเวลาของเดือนเมษายนปีนี้อากาศร้อนมาก ซึ่งทำให้อุณหภูมิต่างๆเปลี่ยนแปลงไปมากมาย ทั้งอุณหภูมิที่เกิดขึ้นในตัวของมนุษย์เราเองจากสภาวะอากาศร้อนแล้วนั้นยิ่งทำให้อากาศที่ร้อนระอุร้อนมากขึ้นเป็นทวีคูณนะค่ะ
จากสภาวะแวดล้อมที่เกิดขึ้นทุกวันนี้จากภาวะโลกร้อนแล้วนั้น ตัวผู้เขียนคิดว่าชั้นบรรยากาศของโลกเริ่มเปลี่ยนแปลงมากข้นทุกเวลา การสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวที่เราได้รับข่าวคราวเริ่มมีมากขึ้นทุกวัน ผลกระทบที่ตามมาหลังจากแรงสั่นสะเทือนทุกครั้งก็จะทำให้เกิดรอยแยกของพื้นชั้นดินใต้โลกมากขึ้น มนุษย์ทุกคนกลัวการเกิดซึนามิมากที่สุดโดยเฉพาะผู้คนที่อยู่ใกล้ฝั่ง จากบทสัมภาษณ์ต่างๆ จากหลายทุกมุมโลกกล่าวขานถึงเหตุการ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นและเฝ้าคอยทุกวันว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวมากน้อยเพียงใด ทุกฝ่ายมีการเตรียมการอยู่ตลอดเวลาจนไม่มีเวลาพักผ่อน เสมือนการตกอยู่ในความทุกข์ผู้คนที่เคยพบเห็นเหตุการณ์คลื่นซึนามิก็จะหวาดผวา

ตัวผู้เขียนนั่งวิเคราะห์เหตุการณ์และสถานะการณ์เหล่านี้แล้วยังนึกไม่ออกว่าเราควรจะช่วยสังคมอย่างไร นอกจากการทำสมาธิและใช้สติเมื่อเราอาจเผชิญกับเหตุการณ์เหล่านั้นนะค่ะ ตัวผู้เขียนพยายามเฝ้าบอกผู้อ่านตลอดเวลาว่าเราควรหาวิธีป้องกันและแก้ไขกับเหตุการณ์นั้นๆ ด้วยวิธีการตั้งสติให้มั่นและหาวิธีรับมือ จากข่าวคราวต่างๆมาเป็นฐานข้อมูลในการครั้งนี้ หากเกิดอากาศร้อนมากเราก็อย่าไปหมกมุ่นว่าอากาศมันร้อน เราควรหาอะไรทำที่สามารถดับความร้อนด้วยวิธีการอยู่กับธรรมชาติให้มากขึ้น อย่านั่งกลุ้มอกกลุ้มใจเป็นทุกข์กันไป ทำชีวิตปัจจุบันให้ดีที่สุด ตั้งสติก่อนสตาร์ท ( ขำๆนะค่ะ ) อยากให้ท่านผู้อ่านคลายกังวลค่ะ อย่าวิตกกับสภาวะแวดล้อมและอากาศที่กำลังร้อนมากขึ้นทุกวัน หาเพื่อนคุย สามัคคีกันให้มากขึ้น มอบความรักที่บริสุทธิ์แด่เพื่อนมนุษย์ให้มากขึ้น หากเมื่อยามคับขันทุกชีวิตบนโลกนี้จะดำเนินต่อไปด้วยความระมัดระวังด้วยการมีสติที่เพรียบพร้อมและพร้อมฝ่าฝันอุปสรรคด้วยความรักที่มนุษย์มอบให้กันด้วยความจริงใจนะค่ะ

วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2555

ภัยสังคม


สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน วันนี้ตัวผู้เขียนเองได้มีโอกาสได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับภัยสังคมที่เกิดขึ้นอย่างหน้ากลัวอีกเรื่องหนึ่ง บังเอิญได้มีเพื่อนคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า เธอได้รับความเดือดร้อนและต้องการหาเงินเพื่อทำธุรกิจเล็กๆน้อยเลี้ยงดูครอบครัวของเธอ เธอจึงไปเข้าเว็บไซด์หาแหล่งเงินกู้ทั้งในและนอกระบบ แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เธอโดนพวกภัยสังคมที่หาเงินจากความทุกข์ของเพื่อนร่วมโลกหลอกลวงไป หรือเรียกอีกอย่างว่าพวกมิจฉาชีพก็ว่าได้ จากที่เป็นข่าวมากมายในปัจจุบันที่พวกมิจฉาชีพพวกนี้มีกลยุทธ์มากมายกันจริงๆ เธอเลยอยากเผยแพร่เรื่องราวต่างๆ นาๆ ให้เพื่อนมนุษย์ระมัดระวังกันไว้นะค่ะ เธอได้ติดต่อผู้หญิงคนนี้ที่ระบุชื่อลงในเว็บไซด์ชื่อดัง บอกเบอร์หมายเลขโทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกับไปคือหมายเลข 089-888-9805 ชื่อ คุณปุ้ม เขาจะพูดเรื่องราววิธีการกู้เงินนอกระบบให้ฟังว่าได้รับรองจากกระทรวงการคลัง มีหนังสือรับรองให้ คือจะคุยโน้มน้าวนโยบายดูดีไปหมด แล้วก็จะบอกว่า หากเรากู้เงินเท่านี้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อเดือน ที่สำคัญกลุ่มมิจฉาชีพพวกนี้จะล้วงความลับเราบางอย่างว่า เราต้องการเงินทุนไปทำอะไรมีเงินอยู่บางส่วนหรือไม่ มีเท่าไหร่ และต้องการอีกเท่าไหร่ พอมาถึงตรงนี้ จะบอกขั้นตอนให้เรารู้ว่า เราต้องทำการโอนเงิน เพื่อเป็นค่าทำสัญญา1900 บาทให้เพื่อยื่นยันว่าเราจะกู้ หลังจากโอนเงินก็จะบอกเราว่าจะส่ง sms หมายเลร fax ให้เราทราบเพื่อส่งเอกสาร สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน หน้าบัญชีที่เขาจะโอนเงินกลับไป เมื่อเขาได้รับเอกสารภายในวันนั้นจะโอนเงินตามยอดกู้ทั้งหมดกลับมาให้เราทันที หรากฏว่าเรื่องไม่ใช่เพียงเท่านั้นนะค่ะ หลังจากที่เพื่อนของตัวผู้เขียนโอนเงินไปให้ 1900 บาท เธอก็รีบติดต่อหญิงผู้นั้นทั้งวันก็ติดต่อไม่ได้จนเขารับสายและบอกว่าเวลาเท่านี้จะส่ง sms ไปให้ จนถึงวันรุ่งขึ้น คำพูดจะถูกเปลี่ยนไป เธอผู้นั้นได้บอกกับเพื่อนผู้เขียนว่าพี่สาวไม่อนุมัติให้เนื่องจากไม่มียอดเงินโอนอีก15000 บาท เท่านั้นเพื่อนดิฉันก็เล่าว่า เธอรู้สึกผิดปกติแล้ว เพื่อก็โต้แย้งว่าตามที่คุยไม่ได้เป็นเช่นนั้น เท่านั้น กลุ่มมิจฉาชีพรายนี้ก็บอกต่อว่าเอาเป็นว่าเธอรับผิดจะออกให้ครึ่งหนึ่งคือ 7000 บาท พี่ต้องรีบโอนเงินให้ทันที แล้วบ่าย2 จะโอนเงิน150000 บาทกลับไปให้ ซึ่งเพื่อนของตัวผู้เขียนไหวตัวทัน ก็ชี้แจงไปว่าตามที่คุยเป็นเช่นนี้แต่กลุ่มมิจฉาชีพคนนี้ได้หลุดคำพูดประโยคหนึ่งมาให้ว่าคุณมีเงินลงทุนอยู่บางส่วนทำไมไม่สามารถโอนให้ได้ เราจะได้โอนเงินที่กู้กลับไปให้ เพื่อนไหวตัวก็ถามอีกปรากฎว่า ผู้หญิงคนนั้นอารมณ์เสียบอกว่าเขากล้าเอาเงินเป็นแสนมาให้ทำไมเราไม่กล้าโอนค่าธรรมเนียมกลับไปให้เขา อย่างนี้ไม่ไว้ใจกันเราคงสรุปให้เงินกับคุณไม่ได้ นี้จะเป็นคำพูดที่เขาจะพยายามโน้มน้าวจิตใจเราให้อ่อน เพื่อให้เราโอนเงินเพียงเล็กน้อยไปให้อีก มาถึงตรงนี้ดิฉันคิดว่าเพื่อนตัวผู้เขียนยังใจแข็งนะค่ะที่กล้าปฏิเสธเลยว่าไม่เอาเงินกู้นั้นแล้วกัน เท่านั้นก็บอกไปว่า คุณต้องโอนเงินคืน1900 บาทตามสัญญาที่คุณแจ้งไว้ แลวกลุ่มมิจฉาชีพพวกนี้ก็จะรับปากเราว่าจะโอนเงินคืน เพื่อนของตัวผู้เขียนเธอก็พยายามที่ติดต่อขอรับเงินคืนทุกวัน ปรากฎว่าไม่รับสายและตัดสายถึงตลอดมา

จากเรื่องราวทั้งหมดนี้ทางเพื่อนของตัวผู้เขียนจึงปรึกษากับผู้เขียนว่าเธอต้องการเผยแพร่ภัยนี้ที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ที่กำลังเดือดร้อนอีกมากมายหลายร้อย หลายพันคนแน่นอน อยากให้เป็นอุทธาหรณ์สอนกันว่า ในสังคมปัจจุบันนี้สังคมเรามันช่างเลวร้ายกันเสียนี้กระไร ตัวผู้เขียนึงถามเพื่อนว่าเรื่องราวนี้จะจบลงไหมเธอบอกว่า หากเราปล่อยให้คนชั่วลอยนวลและไปกระทำกรรมอีกถูกหรือไม่ หรือเราคงต้องลุกขึ้นต่อสู้และเปิดโปงเบื้องหลังคนเหล่านี้ หรือปล่อยให้บาปกรรมที่เขากระทำตามล่าเขาเอง ตัวผู้เขียนก็ได้บอกไปว่าเราปล่อยให้เขารับชะตากรรมในสิ่งที่ทำเถิด อโหสิกรรมไปเราก็จะหมดทุกข์ไม่กังวลกับมันปล่อยให้เป็นหน้าที่กฎแห่งกรรมเถิอเป็นผู้ชี้ชะตาสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ได้กระทำกันไป
วันนี้ผู้เขียนขอฝากเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ไว้เพื่อแบ่งปันกันนะค่ะ แชร์เรื่องราวต่างๆให้มนุษย์ร่วมโลกใบเดียวกันได้รับรู้