วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

พี่ชายที่แสนดี


ยามเย็นวันนี้ช่างเป็นวันที่ฉันรู้สึกว่าสบายใจขึ้นมาบ้างแต่ก็มิใช่ว่าจะทั้งหมด ฉันได้อ่านประวัติผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันคิดว่าเขาคือพี่ชายที่แสนดีคนหนึ่งที่เกิดมาร่วมโลกใบนี้เสียจริงโดยที่ผู้ชายคนนี้มิใช่สายเลือดใดๆเลยแต่หากว่าเธอคนนี้มีจิตเมตตากรุณาเสียนี่กระไร เกิดมาฉันก็ยังไม่เคยเห็นใครที่มีน้ำใจและเมตตากรุณาเช่นนี้ ยามที่ฉันเดือดร้อนแทบจะไม่ทราบว่าจะหันไปหาใครแล้ว มิใช่ว่าจะไม่มีคนช่วยแต่ฉันคิดแล้วคิดอีกว่าจะเอ๋ยปากกับผู้ใดดีเล่า หากถ้าฉันเอ๋ยปากแล้วคนเล่านั้นปฏิเสธฉัน ฉันจะทำเช่นไรคงจะโดนดูถูกมากมายเสียเหลือเกิน เพราะฉันไม่เคยที่จะไปเอ๋ยปากว่าฉันเดือดร้อนแทบปางตายแล้ว ขาสองข้างฉันจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว แต่ ณ วันนี้ฉันคิดว่ากรรมที่ฉันทำไว้และบทลงโทษจากข้างบนคงค่อนข้างจะเริ่มน้อยลง มรสุมชีวิตที่โหมกระหน่ำฉันและครอบครัวคงเบาลง สัปดาห์ที่แล้วฉันได้รับโทรศัพท์จากบริษัทฯแห่งหนึ่งเชิญฉันไปสัมภาษณ์งาน ( ฉันดีใจจนนั่งน้ำตา
ไหลเหมือนเสียงสวรรค์จริงๆ ) และด้วยความบังเอิญฉันก็ได้รู้จักผู้ชายที่แสนดีคนหนึ่งที่คุยกันไม่กี่ชั่วโมงและเธอผู้นั้นได้เปิดอ่านบทความที่ฉันเขียน ผู้ชายที่แสนดีคนนี้บอกฉันว่า ทึ่งกับความสามารถของฉันและอ่านบทความคิดว่าหน้าจะเป็นเรื่องราวของฉันจริงๆ และเราได้คุยกัน พี่ชายที่แสนดีคนนี้ได้สอนและให้กำลังใจฉันให้ลุกขึ้นสู้และสิ่งที่ไม่คาดคิดเธอได้ช่วยเหลือฉันวันที่ฉันวิกฤ๖แบบหาทางออกไม่เจอเลยจริงๆ ฉันอยากบอกให้ทุกคนรู้แต่คิดดูว่าอาจจะเป็นเพียงกลุ่มน้อยเท่านั้น หากความดีของผู้ชายคนหนึ่งที่มีจิตใจที่ดีงามและมีเมตตาจิตที่บริสุทธิ์อย่างนี้ทำไมเราไม่เผยแพร่ความดีงามและบอกให้คนทั้งโลกรู้เล่าว่าในโลกใบนี้ยังมีคนดีอยู่อีกคนหนึ่ง ที่ยังต่อสู้เพื่อครอบครัวแม้จะเหน็จเหนื่อยเพียงใดแต่จิตใต้สำนึกแห่งการสร้างความดีของบุคคลผู้นี้ก็ไม่เคยหายไปากจิตใต้สำนึกของเขาผู้นั้นเลย ต่อให้เขาร่ำรวยมั่งคั้งเพียงใดเขาก็ไม่เคยลืมความเมตตที่มีต่อเพื่อนมนุษย์เลยสักครั้ง สักวันหากฉันมีโอกาสฉันคงต้องไปกราบเท้าผู้ชายที่แสนดีคนดีให้จงได้ ฉันสัญญากับตนเองไว้เช่นนั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น