วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ความอบอุ่นของลูกน้อย

อรุณสวัสดิ์คุณผู้อ่านทุกท่านค่ะ ตอนรับเช้าวันใหม่ เด็กๆเริ่มทะยอยเปิดเทอมกันแล้วนะค่ะ ของตัวผู้เขียนเอง 2 หนุ่มเปิดแล้ว เหลืออีก 1 สาว สัปดาห์หน้าค่ะ เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ สำหรับเปิดเทอมใหม่ของเด็กๆ ทั้งคุณพ่อคุณแม่วุ่นวายกันตลอดเวลาคุณหนูทั้งหลายเปิดเทอม ทั้งค่าใช้จ่าย ทั้งอะไรมากมายกันนะค่ะ ขนาดของตัวผู้เขียน 3คน ยังวุ่นเลยค่ะ และยิ่งมีลูกมากๆกว่านี้ คงวิ่งหรือเดินชนกันวุ่นวายตอนเช้าไปโรงเรียนนะค่ะ บางครั้งก็ดูสนุก บางครั้งเจ้าตัวน้อยก็นำพาซึ่งความวุ่นวายกันไป ฉันย้อนอดีตกับไปเมื่อฉันยังเป็นเด็กนักเรียนรุ่นเดียวกับลูกๆตอนนี้ คุณแม่ท่านจะวุ่นวายนั้นนี่ตลอด เพราะน้องสาวของฉันงอแงมากๆ คุณแม่ท่านจะรบกับน้องสาวมากกว่าเรา เวลาไปโรงเรียนสมัยก่อนยังไม่หน้ากลัวนะค่ะ เรื่องความปลอดภัย เดินไปไกลแค่ไหนก็เดินสบายๆ ไม่มีภัยรอบข้างเราเลย แต่สมัยนี้ภัยอยู่รอบตัวเด็กไปหมด หามีความปลอดภัยไม่ ยิ่งพวกภัพยาเสพติดด้วยแล้ว

กับเด็กผู้ชายต้องระวังอย่างมากค่ะ ดังตัวอย่างที่ตัวผู้เขียนจะหยิบยกเรื่องราวของเพื่อนของตัวผู้เขียนคนหนึ่งนะ เราไม่ได้แบ่งฐานะของเพื่อนกับเรานะค่ะ เขาทำงานตำแหน่งงานไม่ค่อยสู้ดี แต่เรายอมรับเขาเป็นเพื่อน ก็ต้องมองข้ามกันไป มีลูกชาย 2 คน คนโต กับคนเล็กห่างกันเกือบ10ปีค่ะ พ่อจะเป็นฝ่ายดูแลลูกๆมากกว่า แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ผู้ชายไม่ได้มีความละเอียดมากเท่าไหร่ เขาก็เลี้ยงไปตามอัตภาพที่มีเท่านั้น เจ้าคนโตเมือตอนเด็กดูเลี้ยงง่ายและเป็นเด็กดีค่ะ เฉยๆ แต่เหตุการณ์อันคิดไม่ถึงเมื่อ2ปีที่ผ่านมา ความที่เป็นคนเฉยมากไป หรือจะเรียกว่าไม่ทันคน และเด็กวัยรุ่นมักจะตามเพื่อน บางคนไปในทางที่ดี พ่อแม่ก็โล่งใจ แต่เจ้าหลานคนนี้ตามไปในสิ่งที่ไม่ดี ให้เขาผสมยาเสพติดทานเข้าไปในร่างกายได้ เพราะความที่ติดเพื่อน และยังไม่ทันปล่อยให้เขาแอบนำยามาใส่ไว้ในกระเป๋าตัวเองตอนไหน กลายเป็นอนาคตเสีย พ่อแทบช็อค ตอนนี้ก็เรื่องราวยังไม่จบ ทิ้งช่วงห่าง เกิดเรื่องราวเมื่อเดือนที่ผ่านมา พ่อต้องย้ายมาอยู่ใกล้ที่ทำงานของตนเอง ปรากฏว่า เจ้าเพื่อนคนเดิมแอบมาหาบ่อยๆและได้เสพยาไปตอนไหนไม่ทราบ ในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ได้ติดตามเพื่อนที่หนีมา และขึ้นไปหาหลานชายและจับได้พร้อมหลานชายคนนี้ตอนวันหยุด ซึ่งทำความตกใจกับพ่ออย่างมาก แต่ที่สำคัญคือตรวจพบสารภายในร่างกายอีกครั้ง ณ วันนี้ยังอยู่ที่สถานบำบัดค่ะ หมดอนาคตเรียน ตัวผู้เขียนก็ไม่ทราบจะช่วยอย่างไร จะบอกว่าเด็กไม่รู้ก็ไม่ใช่ ไม่มีความคิดก็ไม่ได้ หากมีความคิดทำไมถึงไม่คิดที่จะคบเพื่อนที่ดีกลับไปคบเพื่อนที่นำพาความเดือดร้อนมาให้พ่อแม่กันขนาดนี้ ตัวผู้เขียนก็มีลูกชายด้วยเหมือนกันนะค่ะ การดูแลเด็กผู้ชายยอมรับว่ายากกว่าลูกสาว และในช่วงวัยทีน 15-18 ปีตอนนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวที่สำคัญของเด็กและพ่อแม่จริงๆ คุณท่านผู้อ่านก็คงมีความคิดเช่นเดียวกันนะค่ะ จับปูใส่กระด้งกันเลยทีเดียว เรื่องแบบนี้หากไม่เกิดกับครอบครัวใดแล้วคงยากที่จะอธิบายนะค่ะ กว่าจะเลี้ยงลูกให้ผ่านด่านต่างๆ ได้ไม่ง่ายอย่างที่คิด ต้องค้นหากรรมวิธีการเลี้ยงลูกอย่างไรให้เติบโตขึ้นมาอย่างปลอดภัย ไม่แข็งเกินไป หรือ อ่อนเกินไป วันนี้เรามาช่วยกันดูแลเด็กน้อยของเรา
 ช่วยกันสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกๆของเรากันนะค่ะ ช่ายกันเอาใจใส่ ดูแล ให้ความอบอุ่นใกล้ชิดลูกๆเรากัน อย่าปล่อยให้ธรรมชาติเลี้ยงดูเขามากเกินไป พ่อแม่บางท่านก็ดูแลลูกๆเป็นอย่างดีอยู่แล้ว บางท่านก็อาจขาดเวลาว่างให้กับเด็กน้อย แต่สละเวลาของท่านสักชั่วโมงอย่างน้อยใส่ความอบอุ่นให้พวกเขาที่เป็นชีวิตของเรามีความสุข และอบอุ่นด้วยความรักของท่านกัน นั้นคือภูมิคุ้มกันอย่างงดงามที่พวกเขาจะฝ่าฟันภัยรอบตัวของเขาเวลายามห่างจากอกเราที่เป็นพ่อแม่กันนะค่ะ ช่วยกันปลูกต้นไม้น้อยและดูแลให้เขาเข้มแข็งและเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ที่แข็งแรงด้วยกาย วาจา ใจ และปลอดภัยจากภยันตรายใดๆที่จะเกิดขึ้นอย่างน้อย ก็อาจมีมด หรือแมลง กัดบ้างเล็กน้อย แต่ก็เติบโตด้วยคุณภาพและแรงรักจากความอบอุ่นที่พ่อแม่มอบให้กับพวกเขากันนะค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น