วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เคยคิดเหมือนฉันไหม

อรุณสวัสดิ์ค่ะวันนี้สมองโปร่งมาก ผู้อ่านได้ตื่นมาเห็นพระอาทิตย์เมื่อเช้าไหมค่ะสวยมากกลมโตมากๆมันเหมือนพระอาทิตย์โตขึ้นทุกวันๆ ท่านคิดเหมือนฉันไหม แต่จริงๆไหมใช่ค่ะ มันเป็นเหตุการณ์ที่ฉันคอยติดตามมันมากขึ้นกับที่มีข่าวว่าเกิดภาวะโลกร้อน จริงๆหากใครได้เฝ้าติดตามข้อมูลเหมือนฉัน หรือว่าฉันคิดคนเดียวไม่รู้นะเมื่อตอนนั้นลูกสาวของฉันอายุได้3ขวบ ฉันได้ทำงานที่ใหม่ก็คือปัจจุบันนี้ มีรุ่นน้องบัญชีคนหนึ่งเป็นผู้ชายเขาชอบศึกษาด้านวิทยาศาสตร์เขาอ่านข่าวทางอเมริกาว่านักวิทยาศาตร์ทางโน่นบอกเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาเรียกเหตุการณ์นี้ว่า เอรีโน่ เป็นปรากฎการณ์ที่แกนของโลกเราหันเหแล้วทำให้สนามแม่เหล็กเปลี่ยนไป จะเกิดเหตุการณ์ทางธรรมชาติมากขึ้นและทำให้แรงดึงดูดของโลกเข้าหาดวงอาทิตย์เวลาหมุนรอบตัวเอง จะเข้าใกล้ทุกทีๆ ฉันเฝ้าสังเกตุทุกเช้าว่าดวงอาทิตย์โตขึ้นเปล่าเลยค่ะมันใกล้โลกมากขึ้น


 นี้คือสาเหตุหนึ่งที่เขาค้นหาและเริ่มย้ายคนไปสำรวจดาวดวงใหม่ก็คือ ดาวอังคาร หากใครเคยอ่านจะจำชื่อนี้ได้ นอสตาร์ดามุส เคยทำนายว่าโลกจะดับ ฉันเริ่มวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดจากภัยธรรมชาติต่างๆที่เริ่มรุนแรงมากขึ้นจน บ้านเราเกิดแผ่นดินไว้บ่อยขึ้น มีซึนามิที่รุนแรงทั้งๆที่ไม่น่าเกิด แต่คนไทยจะไม่ค่อยมีนักวิทยาศาตร์ที่จะมาคอยสังเกตุการณ์เริ่องเหล่านี้ หากคนไหนสนใจเอามาพูดก็จะว่าเขาบ้าๆบอๆ เป็นเพราะคนส่วนใหญ่จะสนใจความเป็นอยู่ของครอบครัวของคนเอง การแข่งขันการเมือง และเรื่องที่ไม่ควร ท่านนอสตาร์ดามุสเคยบอกว่า ผู้ที่จะรอดจากสงครามสิ้นชาติจะมีคนอยู่กลุ่มเดียวที่รอด จากเหตุการณ์นั้นคือ พวกนักบวชที่ใช้ชีวิตแบบสงบ เพราะไม่ว่าจะนักบวช พระสงฆ์ หรือผู้ที่ใช้ชีวิตแบบพอเพียง เขาจะรู้ว่าชีวิตนั้นมีค่า และหากต้องเสียไปมันเป็นเรื่องของธรรมชาติของมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ตายและเวียนว่ายไปในวงจรชีวิตจริงๆ แต่ใครหละที่จะใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า หากสักวันหนึ่งมันเกิดขึ้นจริง ฉันคิดว่าฉันควรทำอะไรเพื่อให้ตนเองมีประโยชน์ต่อสังคมแลเพื่อนมนุษย์มากที่สุดและทรงคุณค่านั้นไว้ตลอดไป หากฉันมีโอกาสฉันจะต้องทำ แล้วท่านหละค่ะเคยสังเกตกันบ้างไหม และเมื่อไม่กี่วันมานี้ท่านเห็นภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นหรือยัง ธารน้ำแข็งที่นิวซีแลนด์ทลาย แผ่นดินไหวตามประเทศที่ไม่เคยเกิด ธรรมชาติที่น่ากลัวที่สุดคือการเกิดภัยจากสัตว์ต่างๆเช่น ปลาวาฬ ปลาโลมา

 ซึ่งมันเป็นที่ต้องวิเคราะห์และมองเห็นความสำคัญกัน อย่างที่เมื่อเช้าท่านจะเห็นข่าวที่บางแห่งเกิดแผ่นดินไหว สิ่งเหล่านี้ยังไม่ร้ายแรงเท่ากับจิตใจมนุษย์ที่แย่ลง โหดร้ายมากขึ้น มีการประท้วงไปทั่วมุมโลก ตัวฉันคิดว่า โลกร้อนยังไม่เท่าจิตใจของมนุษย์มันร้อนระอุมากขึ้นจนน่ากลัว ทุกวันนี้คนขาดธรรมะประจำใจตั้งแต่แรก ขาดบรรพบุรุษสะสมมา มันทำให้สังคมทุกวันนี้มีแต่การแข่งขัน แย่งชิง ขาดคุณธรรม พอมีปัญหาจะเข้าวัดทำบุญไปเพื่อให้รอดไปครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้มองย้อนกลับว่าทำไมคนเราไม่ปลูกฝังธรรมะให้อยู่กับตนเอง ท่านทุกคนคงมองเห็นวงล้อของชีวิตมนุษย์ได้แล้วหากท่านได้อ่านบทความของฉัน เราทำอะไร ดีหรือไม่ดี ทุกคนหนีไม่พ้นผลกระทำนั้นๆ ให้เราได้เห็น เราฆ่าเขา เขาก็ฆ่าเรา หรือไม่ก็ติดคุก และมองผู้ที่กระทำดีเขาเหล่านั้นก็ได้รับผลความดี ฉันเชื่อนะค่ะว่าหากเรามีธรรมะติดอยู่กับตัวเรา ไม่ว่าจะเกิดภัยธรรมชาติ หรืออะไรก็ตามที ฉันว่าหากเราจิตสงบไม่เป็นทุกข์และมั่นทำความดีแน่นอนชีวิตมนุษย์หรือทุกสิ่งทุกอย่างหมดจากโลกเราไปแต่ความดีซิค่ะมันไม่ตายหายไปจากใจของท่านและผู้อื่นอย่างแน่นอน ทุกวันนี้ทุกคนจะเห็นว่าทางพระพุทธศาสนาเริ่มออกมามีบทบาทกับมากขึ้นในแต่ละวัด แต่ละสำนักปฏิบัติธรรม เริ่มรณรงค์ให้คนทำความดีมากขึ้น สอนให้คนมองย้อนยุคกลับไปดูบรรพชนของเราว่าทำความดีไว้มากน้อยเพียงใด ผู้สูงอายุที่เคยอยู่เฉยๆเริ่มทำตนให้เป็นประโยชน์

 พยายามปลูกฝังความดีงามให้กับเด็กรุ่นลูกรุ่นหลานมากขึ้น และมีส่วนร่วมในหลายด้าน ผู้เขียนคิดว่าเป็นการดีมากๆ หากเราทำในชุนชนเล็กๆแล้วค่อยๆโตไปเรื่อยๆจาก1เป็น2.......เป็นแสน เป็นล้าน ฉันว่าโลกเราจะน่าอยู่อีกมาก ถึงแม้เราจะอยู่ไม่ถึงวันนั้น ท่านคงคิด แต่อย่าลืมสังเกตุนะค่ะ กว่าจะถึงวันนั้นเหตุการณ์อะไรบ้างที่มวลมนุษย์ชาติจะต้องเผชิญอีกมากมาย ผู้เขียนไม่ได้คิดมากมาย แต่ต้องการบอกเป็นวิทยาทานแด่เพื่อนร่วมโลกทุกคนให้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าที่สุดค่ะ และดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวัง ท่านเคยเห็นเหตุการณ์ที่ใช้ชีวิตแบบไม่ระมัดระวังไหมค่ะ เช่น เหตุการณ์ที่เกิดอย่างซานติก้าพลับ เมื่อชีวิตทุกคนใช้แบบสุขสบายไฮโซ จุดจบของแต่ละชีวิตก็มาถึงเพราะขาดความระมัดระวัง ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นตัวอย่าง และผลสะท้อนในแต่ละเรื่อง จริงๆนะค่ะ เมื่อฉันได้มีโอกาสได้คิดในยามที่ฉันว่าง ฉันสามารถใช้เวลา ฟุ่มเฟือยได้ ช็อปปิ้งได้ แต่ 10ปีมานี้ฉันไม่ทำ ผู้เขียนเคยผ่านมาแล้วสำหรับชีวิตที่ใช้อย่างไม่ระวังนั้น ผลตอบแทนที่ได้รับนั้นมหาศาลสำหรับลูกผู้หญิงคนเดียวที่ต้องรับผิดชอบครอบครัวตามลำพัง ฉันเริ่มต้นใช้ชีวิตให้ได้คุณค่าต่อสังคมมากขึ้น บำเพ็ญประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนามากขึ้น นั้นคือสาเหตุที่ฉันเริ่มต้นเขียนบทความเพื่อเป็นวิทยาทานแด่เพื่อมนุษย์ร่วมโลกใบนี้นะค่ะ ทั้งๆที่ฉันสามารถเขียนเพื่อขายเป็นเงินได้ ฉันเก็บความรู้สึกที่จะเขียนหนังสือเหมือนคนอื่นๆมานาน เก็บบันทึกส่วนตัวเท่าที่ฉันจำความได้ไว้ จนฉันตัดสินใจว่าฉันควรจะเริ่มต้นแบ่งปันความรู้และเหตุการณ์ต่างๆให้ผู้อื่นฟังเพื่ออย่างน้อยก็สามารถใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตได้บ้างไม่มากก็น้อยนะค่ะ ไว้พบกันฉบับหน้า หากมี comment ใดๆก็ add มาที่บล็อกได้นะค่ะให้บุญรักษาคนนี้ได้ทำภาระกิจเพื่อสังคม และบำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่นต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น