วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

จิตวิทยาในการเลี้ยงลูก

สวัสดียามบ่ายค่ะ ผู้อ่านที่ยังไม่มีครอบครัวและบุตรไม่ต้องเสียใจว่าบทความนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แต่สามารถรับรู้ไว้เป็นวิทยาทานแด่ผู้อื่นหรือเก็บไว้ให้ตนเองในอนาคตได้นะค่ะ ผู้เขียนมีลูกสาวค่ะ อยากแบ่งปันความรู้สึกและการใช้จิตวิทยาเลี้ยงลูก สำหรับตัวเองไว้ให้ผู้อ่านทุกท่านได้รับทราบว่าการเลี้ยงลูกนี้มันไม่ใช่เรื่องง่าย หรือยากเกินไปอยู่ที่ว่าเราเลี้ยงเขาด้วยหัวใจที่สนุก หรือ ซีเรียส พ่อแม่ทุกคนมีทั้งนั้นแหละค่ะ แต่สังคมทุกวันนี้คนที่มีบุตรทุกคนต้องค้นคว้าหาตำราและจัดการเจ้าตัวน้อยกันทุกคน ตัวผู้เขียนก็เหมือนกัน ตอนจะมีเขา pressure แรกจากคุณแม่เลย ท่านจะบอกตั้งแต่ยังไม่ท้องว่า ถ้ามีลูกผู้หญิงแม่ยังโอเคนะแต่ถ้าได้ลูกผู้ชายท่านจะไม่ช่วยเลี้ยงเพราะท่านไม่ชอบเด็กผู้ชาย แล้วใครหละค่ะจะกำหนดว่าลูกเราจะออกมาเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย พอฉันเริ่มตั้งครรถ์สิ่งแรกที่อาจารย์หมอสอน คือฝึกลูกตั้งแต่อยู่ในท้องเราก่อน 1 พูดคุยกับเขาส่งโทรจิตถึงลูกให้เขารับรู้ว่าเรารักเขา 2 สิ่งที่ฉันทำพอได้4เดือนตัวฉันจะต้องตื่นนอน ตอนตี 4 ทุกวันเพื่อไปทำงานในตอนนั้นฉันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จฉันจะใช้มือสัมผัสท้องและบอกกับลูกทุกวันว่าเราไปทำงานกันนะค่ะลูก เขาจะแสดงการรับรู้จากเราโดยเคลื่อนนิดหน่อย ฉันทำงานจนสุดท้ายวันคลอด แล้วสิ่งที่แปลกวันนั้นครบกำหนดตรวจสุดท้าน บังเอิญตรงกับวันครบรอบแต่งงานของฉัน และเป็นวันสถาปนาพระเจ้าตากสินด้วย ฉันเอามือลูบท้องบอกกับลูกว่าถ้าหนูเกิดวันนี้ก็ดีนะ จะได้จัดงานพร้อมกันทีเดียว แล้วก็บังเอิญไปถึงโรงพยาบาลคุณหมอก็แจ้งว่ามดลูกฉันเปิดแล้วต้องเข้าห้องคลอด มันเหลือเชื่อจริงๆ พอมาถึงช่วงเลี้ยงลูกสาว

 ( ฉันโชคดีที่ได้ลูกสาว ) บอกตรงๆเลยว่าเธอน่ารักมาก เลี้ยงง่ายทานนมแล้วก็หลับ ที่ฉันบอกว่าต้องใช้จิตวิทยาเลี้ยงลูกก็คือ คุณแม่ไม่ค่อยชอบเสียงเด็กร้องเท่าไหร่ ฉันต้องคิดค้นว่า เวลาใดบ้างที่เด็กจะงอแง และจะต้องหาอะไรเพื่อทำให้เธอไม่งอแงได้ ฉันสังเกตพฤติกรรมของเด็กทุกคนจะงอแงเวลาก่อน 11 โมงเป็นต้นไป เธอทั้งหลายจะเข้าอาการ ง่วงนอน หิว ฉันก็เริ่มวางแผนกับลูกสาวเลย รีบจัดการหาข้าวและนมให้ทานก่อนเวลาที่เธอจะอารมณ์เสียเพราะเรื่องพวกนี้เพราะเธอยังคุยหรือบอกเราไม่ได้ ต่อจากนั้นก็จะเริ่มแผนการทำให้หลับ ลูกสาวของฉันชอบตบก้นเบาๆ และเอามือลูบที่เท้า ก็จะหลับโดยอัตโนมัติ พอตื่นก็จะนำน้ำให้ดื่มเล็กน้อยแล้วตามด้วยนม ฉันและครอบครัวจะไม่พาเขาออกนอกบ้านนะค่ะ เพราะการฝึกเด็กออกนอกบ้านจะเป็นการฝึกนิสัยที่เสียถึงโตลองสังเกตดูได้ค่ะ หากลูกของท่านวันไหนไม่ออกนอกบ้านจะร้องไห้เสียเป็นการใหญ่ ข้อนี้สำคัญนะค่ะ และอีกอย่างอย่าพาทานข้าวเดินไปมาพยายามจัดให้เขานั่งหรือเราป้อนข้าวเขาอยู่กับที่นะค่ะ เพราะจะฝึกนิสัยไม่ดีให้กับเด็ก หากท่านต้องการให้ลูกหลับแบบปลอดภัยและเงียบสงบหลังอาบน้ำนะค่ะควรใช้ ( โบราณหน่อยแต่ได้ผล ) มหาหิงค์ทาบางๆที่ใต้เท้าและท้องเขาจะไม่ทำให้ลูกรู้สึกปวดท้องค่ะเธอจะนอนหลับอย่างสบาย เพราะอาการที่เด็กทั่วไปร้องไม่มีปี่มีขุ่ยเพราะเกิดจากการปวดท้องแล้วเขาบอกเราไม่ได้นะค่ะ ข้อนี้การันตีได้เลย จิตวิทยาหลายๆอย่างค่ะที่คุณแม่ทุกคนต้องดิ้นรนแสวงหาเพื่อไม่ให้เจ้าตัวน้อยของเราดื้อ งอแง มีมากมาย ตัวผู้เขียนใช้จิตวิทยาอย่างมากค่ะเวลาเจ้าตัวน้อยหงุดหงิด จะทำอย่างไรให้เขาไม่มีนิสัยหงุดหงิดและถ้ามีอาการจะทำอย่างไร
 พ่อแม่หลายคนปวดศรีษะกันตามๆใช่ไหมค่ะ แต่ฉันไม่หยุดนิ่งนะค่ะถึงทุกวันนี้เธอจะโตพอสมควรอยู่ในวัยทีนก็ต้องใช้ตลอดค่ะเพราะเป็นการปรับเปลี่ยนช่วงวัยนี้ ฉันจะเฝ้าตามห่างๆ ในโลกของเขา แต่เป็นเพราะฉันเลี้ยงเธอแบบเป็นทุกอย่างได้ ฉํนยังโชคดีที่ลูกสาวไม่ติดเพื่อน แต่ก็ไม่ค่อยสู้ดีที่ติดคุณแม่คือฉันแทน แต่ก็สักระยะค่ะ ฉันคิดว่าเมื่อถึงวัยที่จะเข้าวัยหนุ่มสาวก็คงต้องเป็นอีกช่วงที่ฉันจะต้องใช้จิตวิทยาในการคิดค้นหาวิธีการเพื่อดูแลเธอในช่วงนั้นอีก ในแต่ละช่วงของเด็กแตกต่างกันนะค่ะ จิตวิทยาที่ใช้กับเธอ (เจ้าตัวน้อย)ต้องเปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อยๆค่ะ ใช้มุกเดิมๆไม่ได้ เด็กบางคนก็ไม่ฟังเท่าที่ฉันเห็นผู้ปกครองหลายๆคนก็ปวดศรีษะแทน แต่ฉันอยากบอกสิ่งสำคัญที่สุดของพ่อแม่คืออย่าทำตัวอย่างอะไรที่ไม่ดีให้ลูกท่านเห็นเลยนะค่ะ บอกตรงๆนั้นคือแท่นพิมพ์และเครื่องซีร็อกซ์เลย เขาทั้งหลายเหล่านั้นจะ copy คุณได้ทันทีจริงๆ ตัวผู้เขียนเคยลองแล้ว ทำนิสัยแบบฉุนเฉียวเธอก็จะเริ่ม copy แต่ไม่ได้แสดงกับเราจะไปแสดงกับผู้อื่น จริงๆค่ะทุกเรื่องเพราะตัวผู้เขียนเฝ้ามองลูกสาวตัวเองมาตลอด นั้นคือสิ่งที่เราปากเปียกกับเธอๆทั้งหลายนั้นแหละค่ะว่าสอนทำไมไม่ฟัง
 เธอฟังเราจริงแต่ไม่ทำ สาเหตุมาจากเป็นเพราะเด็กๆทุกชีวิตแม้กระทั่งเราเองชอบที่จะให้ผู้ใหญ่พูดกับเราดีๆ ไม่ตะหวาด ไม่มีอารมณ์ใส่ เมื่อมีอารมณ์นิ่งไปก่อนเมื่อไฟดับแล้วมาคุยต่อ นี้คือสัจจะธรรมแห่งความเป็นจริงค่ะทุกข้อตัวผู้เขียน ทดสอบกับลูกสาวมาหมดแล้วหากตัวเราพ่อแม่วู่วามกับเขาก่อนมันเป็นกระจกสะท้อนกลับไปที่ลูกจริงๆค่ะ การใช้อารมณ์อบรมสั่งสอนลูกไม่ได้จริงๆ มีแต่พังกับพังนะค่ะ อ้อเทคนิคในการทานข้าวอีกอย่างที่ตัวผู้เขียนจะได้ยินคุณแม่มือใหม่บ่นเสมอกับเรื่องลูกไม่ทานข้าว ตอนผู้เขียนเลี้ยงลูกสาวจะดิ้นรนเลยค่ะลงทุนซื้อเมนูอาหารมาและลงมือทำและเปลี่ยนเมนูบ่อยๆ เมื่อลูกทานก็จะไม่เบื่อและชวนเธอเป็นที่ปรึกษานะค่ะ วันนี้อยากทานอะไร ทำเถอะค่ะอร่อยหรือไม่ก็ค่อยๆทำช่วยกันออกความคิด นี้คือจิตวิทยาเบี่ยงเบนการเบื่ออาหารของเจ้าตัวน้อยเลยนะค่ะ สิ่งที่สำคัญในการเลี้ยงลูกไม่ให้งอแง คืออย่าปล่อยให้หิว อย่าปล่อยให้เธอว่างและไม่มีใครสนใจ เพื่อเป็นช่องว่างให้หนุ่มน้อยและสาวน้อยตัวเล็กๆของท่านเกิดอาการร้องไม่มีสาเหตุและเกิดบ่อนเสียในครอบครัวกันนะค่ะ หากผู้อ่านต้องการcomment เรื่องราวต่างๆเพื่อแลกเปลื่ยนประสบการณ์สามารถcomment กลับมาที่บล็อกความคิดเห็นได้นะค่ะ บางครั้งผู้เขียนอ่านจะประสบการณ์ยังไม่มากพอ เราสามารถแชร์ความคิดกันได้ค่ะ แต่สิ่งสำคัญการเลี้ยงลูกจะให้ได้ดีควรปลูกฝังคุณธรรมความดีงาม แบ่งปันผู้อื่นให้ทุกครั้งที่เราใช้ความคิดจัดการเธอทั้งหลาย มีอยู่อย่างหนึ่งที่ผู้เขียนยังไม่ได้บอกให้รับรู้คือก่อนนอนควรอ่านหนังสือหรือเล่านิทานก่อนนอนแล้วจบลงด้วยสิ่งที่ดีงามกับเธอตัวน้อยทั้งหลายจะเป็นการปลูกฝังให้เธอซึมซับเพื่อเป็นคนดีในอนาคตและไม่แวกกฎกติกานอกลู่มากเกินไป คุณพ่อคุณแม่ทุกคนคงต้องใช้จิตวิทยาในการดูแลอย่างมากนะค่ะสมัยนี้ต้องใช้จริงๆ บทความนี้ตัวผู้เขียนบอกจากประสบการณ์ของตนเองที่ใช้เลี้ยงลูกสาวมา16ปี มีทุกรูปแบบค่ะ สนุกสนานกันไปให้เราคิดได้ค้นคว้าหาวิธีการมาจัดการหัวใจดวงน้อยๆของเราเองนะค่ะให้ดี แล้วเมื่อถึงเวลาเราไม่ต้องโทษใคร มันจะเป็นความภูมิใจของพ่อแม่ทุกคนจะได้รับค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น