วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2554

คิดอย่างฉันไหม

รับอรุณวันใหม่กับแสงอาทิตย์ที่สดชื่นเช้านี้ค่ะ หมดเดือนกุมภาไปแล้วนะค่ะ วันเวลาผ่านไปเร็วมาก ท่านผู้อ่านเคยมองตัวน้อยของเราไหมค่ะ ว่าเขาโตเร็วเหลือเกินไม่นานมานี้ฉันยังจำภาพที่เธอเพิ่งเกิดมา และเกิดเหตุการณ์ต่างๆขึ้นผ่านไปแล้วผ่านไปเล่า วันนี้ลูกสาวของฉันอายุ16ปีแล้ว แล้วของท่านผู้อ่านหละค่ะมีความคิดเช่นกันใช่ไหม เวลาติดปีกเลย เมื่อคืนเรา2คนแม่ลูกมีเรื่องคุยกันทุกคืนแต่เมื่อคืนลูกสาวของฉันได้เห็นบทความเกี่ยวกับพายุสิรยะที่ฉันได้ลงไปเมื่อฉบับที่แล้ว เขาเกิดความสงสัยว่าถ้าหากมันเกิดขึ้นจริงๆ อะไรบ้างที่เราต้องเผชิญหน้ากับสิ่งนั้น ฉันตอบลูกว่าคุณแม่ตอบหนูไม่ได้หรอกนะค่ะว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นมากมายกว่าการไม่มีไฟฟ้าใช้ 1 เดือน น้ำด้วย ระบบคอมพิวเตอร์พัง
 แต่สิ่งที่เราสามารถป้องกันได้และเตรียมการก็คือ การใช้แนวพระราชดำริของในหลวง ผสมกับการอยู่กินอย่างคนสมัยโบราณ ยกตัวอย่างเช่น การไม่มีไฟฟ้าใช้

 คนสมัยโบราณที่คุณแม่จำความได้ตอนเด็กเขาจะใช้ตะเกียงเจ้าพายุใช้กัน หุงข้าวเขาก็ใช้เตาถ่าน ถ่านไม่มีก็ใช้ไม้ฟืนแทน หุงหาอาหารก็ทานผัก ทานปลาต้มๆนิ่งๆกัน ส่วนน้ำเราก็ต้องเตรียมหาตุ่มน้ำเตรียมไว้คนต่างจังหวัดจะไม่เดือดร้อนเลยนะค่ะเพราะบางทีเขามีน้ำฝนทานกัน ทุกวันนี้คนต่างจังหวัดที่เขาดำเนินชีวิตแบบพอเพียงมีมากมาย ฉันก็เล่าให้ลูกสาวฟัง เธอก็ตอบฉันอย่างหนึ่ง แสดงว่าคนกรุงเทพฯเดือดร้อนมากที่สุดโดยเฉพาะคนร่ำรวยใช้ไหมค่ะ ฉันก็ตอบว่าใช่แต่อาจจะไม่ทั้งหมด หากเขามีการรู้จักปรับเปลี่ยนชีวิตของเขาเอง เหตุการณ์ที่เรารู้มันเป็นเรื่องใหญ่คุณแม่ว่าทั่วทุกมุมโลกเขาต้องแจ้งภัยนี้ให้ประชาชนรับรู้แต่เรารู้แล้วก็ควรเตรียมการแต่เนินๆ
 รู้จักศึกษาว่าคนสมัยก่อนเขาอยู่กันได้อย่างไร อย่างที่บ้านเรา เรามีคุณยายท่านจะบอกเราเองเพราะท่านเคยผ่านเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่2มาแล้ว คุณแม่คิดว่าเราอยู่ได้ นี้คือสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนได้จุดประกายบทความนี้ขึ้นมาว่า หากท่านผู้อ่านได้อ่านบทความในวันนี้แล้ว บอกต่อๆกันนะค่ะ เพราะไม่ใช่เพียงผู้เขียนจะเขียนขึ้นจากจินตนาการของตนเอง แต่มันเป็นเหตุการณ์ทางธรรมชาติที่โลกใบนี้มีการเปลี่ยนแปลง
 เราทุกชีวิตต้องช่วยกันคนละมือคนละไม้ดูแลครอบครัวของตนเองและเผื่อแผ่แบ่งปันความรู้แด่ผู้อื่นให้ช่วยกันประคับประคองการดำเนินชีวิตอย่างพอเพียงและหาทางป้องกันกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นเพื่อให้สมาชิกของท่านพ้นจากวิกฤตินี้ เพราะหากเราไม่เริ่ม ณ วันนี้ ตัวผู้เขียนคิดว่า หากเรารอให้ถึงวันนั้นอย่าลืมนะค่ะเวลานิสัยคนตกใจ มันจะเกิดความหายนะทันทีเพราะทุกคนจะต้องดิ้นรนเอาตัวรอด ฉันเคยดูภาพยนตร์ที่ต่างชาตสร้างขึ้นจากจินตนาการของพวกเขา ฉันว่ามันคงไม่ต่างกันสักเท่าไหร่คนที่จะรอดและอยู่ได้คือคนที่มีสมาธิ สติปัญญาที่ไม่วู่วามจริงๆนะค่ะ นั้นคือสัจจธรรมที่คุ้มครองเราหากเรามีสติ สมาธิแล้วปัญญาก็จะเกิดกับเราทุกคนค่ะ
 มาถึงตอนนี้ลูกสาวฉันก็ถามอีกว่า พวกเราต้องเตรียมอะไรบ้าง ฉันตอบลูกสาวว่า เราต้องหาสิ่งที่มันจะมาทดแทนไฟได้ก็คือ อุปกรณ์ที่จะทำให้ติดไฟ เตรียมไว้ ส่วนน้ำเมื่อไม่มีไฟฟ้ามาผลิตน้ำ เราก็จะต้องหาภาชนะมารองรับน้ำเก็บไว้เพื่อใช้อย่างประหยัด อาหารเราก็ควรปลูกผักสวนครัวไว้บ้างยามฉุกเฉิน แล้วเราใช้ชีวิตแบบพอเพียง ไม่ดิ้นรนนิ่งๆ คุณแม่คิดว่าคนทั้งโลกสามารถหลุดพ้นจากมรสุมของการเปลี่ยนแปลงของโลกได้จ๊ะ แล้วคุณผู้อ่านหละค่ะ เรามาช่วยกันจรรโลงโลกใบนี้และช่วยกันแบ่งปันข่าวสาร ความคิดเห็นที่ใช้สติ สมาธิ ช่วยกันเพื่อเป็นวิทยาทานแด่ผู้อื่น ผู้เขียนคิดว่าบทความวันนี้คงเป็นประโยชน์แด่ทุกคนนะค่ะ ทุกคนต้องหันหน้ามาเพื่อสิ่งแรกพาครอบครัวของท่านให้ก้าวต่อไป อย่าหมดกำลังใจ อย่าไปคิดว่าอย่างไรทุกชีวิตก็ต้องตาย แต่เราอย่าลืมว่าเราควรจบชีวิตอย่างมีคุณค่ามันจะสวยงามกว่าใช่หรือไหม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น