วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2554

ธรรมชาติที่แปรปรวน

สวัสดีเช้าวันใหม่ค่ะ เมื่อวานเกิดเหตุการณ์ขึ้นมากมายนะค่ะ ผู้อ่านคงได้ดูข่าวทางญี่ปุ่นแล้วนะค่ะ เพิ่งจะพบเหตุการณ์คลื่นซึนามิไปเมื่อ2วันก่อน นี้ก็มาเกิดเตาปฏิกรณ์ไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดอีก ผู้เขียนเห็นภาพข่าวแล้วดูว่าทำไมผลกระทบเที่เกิดจากแกนขั้วโลกหักเหเมื่อ13ปีที่เรียกว่า aleno ครั้งที่แล้วมันถึงได้มีผลกระทบทางธรรมชาติเร็วมากๆนะค่ะ ตอนนี้ก็ทำให้เกิดแกนหักเหขั้วโลกเคลื่อนไปอีก8ฟุต มันคงจะก่อให้เกิดแรงดึงดูดของดวงอาทิตย์ที่จะโคจรเข้าใกล้โลกมากขึ้นนะค่ะ ถึงทำให้เกิดปรากฎการณ์ทางธรรมชาติเร็วเสียจนขนาดที่ว่าไม่มีการตั้งตัวเลยทั้งๆที่เราทราบกันอยู่ว่าประเทศญี่ปุ่นก็หนึ่งในอภิมหาอำนาจอยู่แล้วขนาดมีกำแพงป้องกันยังเอาไม่อยู่เลย วันนี้คนไทยอย่างพวกเราทุกคนคงต้องหาทางพึ่งตนเองและหาทางป้องกันและต่อสู้กับปรากฎการณ์ธรรมชาติเพื่อเตรียมตัวเร็วกว่ากำหนดนะค่ะ บางข่าวก็มีข้อมูลเราไม่ทราบว่าจะเชื่อถือได้หรือไม่เพราะจากผลสรุป แต่สิ่งที่คนไทยอย่างเราเห็นปัจจุบันเขาทำอะไรกันอยู่ทะเลาะเพื่อแย่งอำนาจกันไม่จบไม่สิ้นทำไมถึงไม่มามองสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตในการเปลี่ยนแปลงของโลกใบนี้กัน
 ผู้เขียนคิดว่าบางครั้งผลสรุปนั้นเป็นการประมาทค่ะ สิ่งที่สำคัญๆควรจะหาวิธีการป้องกันและมีการให้สอนทุกคนช่วยตนเองในยามเกิดเหตุฉุกเฉินหรือไม่ก็ควรมีการคำนวณแล้วว่าพื้นที่ส่วนใดในประเทศเราอยู่ในจุดเสี่ยงกภัย ควรจะหาทางขยับขยาย ไม่ทราบว่าผู้อ่านท่านใดเคยได้ยินเรื่องที่กรุงเทพฯจะเกิดปัญหาน้ำท่วมและเกิดภัยอันร้ายแรงได้หรือไม่ค่ะ
 ผู้เขียนจำไม่ได้ว่าท่านใดเคยชี้แจงไว้ว่าพื้นที่ในใจกลางกรุงเทพฯ แถว สีลม สาธร และพื้นที่อยู่ในบริเวณราชดำริ สุขุมวิท เป็นพื้นที่ที่ทรุดตัวมากๆและเพราะสิ่งปลูกสร้างแน่นหนามากเกินไปทำให้พื้นที่บริเวณดังกล่าวทรุดตัวมากขึ้น โอกาสที่จะทำให้สิ่งปลูกสร้างทั้งหลายจะได้รับผลกระทบจากแรงสั่นสะเมือนมากกว่าพื้นที่ใดๆ ผู้เขียนเคยได้ยินรุ่นพี่คนหนึ่งบอกว่าตอนนี้พวกระดับเศรษฐีเขามีเงินมากๆ กำลังระดมหาซื้อพื้นที่ที่อยู่รอบนอกเมืองกันแล้วผู้เขียนคิดว่าคนหลายๆคนที่ได้ติดตามข่าวและเล็งเห็นเหตุการณ์ที่จะเกิดในอนาคตจากเหตุและผลของข้อเท็จจริงนั้นๆ พวกเขาเหล่านั้นจึงเริ่มที่จะขยายตัวเองออกนอกพื้นที่กัน เท่าที่ผู้เขียนสังเกตจะเห็นพวกระดับใหญ่ๆโตๆบ้านเราไปซื้อที่ตามพื้นที่สูงกันมากค่ะ อย่างบางทีเราไปเที่ยว เขาก็จะบอกว่าพื้นที่นี้ใครเป็นเจ้าของ ทั้งๆที่อดีตเขาอยูในใจกลางเมืองกันด้วยซ้ำ นี้หละค่ะคือข้อสงสัยว่าทำไมคนเหล่านั้นถึงไม่มองเห็นมนุษยธรรมคำนึงถึงความปลอดภัยของมนุษย์ชาติที่ร่วมโลกใบเดียวกันอย่างน้อยก็ควรจะให้ข้อมูลข่าวคราวว่าสิ่งที่ตนเองพบและคำนวณกันนั้น อะไรบ้างที่จะได้ผลกระทบกับภัยธรรมชาติที่ทุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย แต่มีอะไรบ้างทีสามารถช่วยป้องกันและเตรียมพร้อมที่จะรับกับสถานการณ์เหล่านั้น บ้านเมืองเรายังขาดสิ่งเหล่านี้มากๆ ใครมีคววามสามารถก็ดิ้นรนไป ส่วนคนที่ไม่มีความสามารถจะขยับขยายก็ต้องเผชิญเอาเอง และอีกข้อหนึ่งก็คือหากใครเฝ้าติดตามและรู้ข้อมูลก็จะเป็นอีกส่วนที่จะเริ่มขยับขยายเอาเอง ผู้เขียนไม่เข้าใจว่าทำไมคนไทยถูกปลูกฝังในการเป็นเมืองพุทธะ กับขาดความเมตตาปราณีกันไปได้ขนาดนั้น มีแต่การเอาตัวรอด แกร่งแย้งชิงดีกัน คุณธรรมที่เคยติดประจำตัวของคนไทยสืบทอดหลักพระพุทธศาสนาแห่งองค์พระศาสดามันหายไปไหนหมด กลายเป็นสังคมเล็กๆไปได้อย่างไรกัน ผู้เขียนเชื่อค่ะ เพราะบรรพบุรุษที่สืบทอดสิ่งเหล่านี้ล้มหายตายจากไป บางกลุ่มบางก้อนก็ยังมีเหลืออยู่ หากบางทีนั้นไม่มีเลย มันก็จะถูกลืมเลือนไปทีละเล็กทีละน้อย ผู้อ่านเคยสังเกตการศึกษาสมัยก่อนกับสมัยปัจจุบันหรือไม่ สิ่งที่ควรค่าและควรจรรโลงไว้มันหายไปในตำราเล่มไหน ถึงทำให้ตำราเรียนสมัยนี้ขาด ประวัติศาสตร์ หลักพระพุทธศาสนาไปได้เช่นนั้น
 สมันก่อนผู้เขียนเรียนยังมีวิชาศีลธรรม หน้าที่พลเมือง ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ จริยาธรรมในหน้าที่ของพลเมืองไทย วัฒนธรรมและประเพณีไทยต่างๆที่บันทึกเรื่องราวยาวเป็นเล่มๆ แต่เดียวนี้แฝงไว้บางส่วนเท่านั้น เน้นแต่สิ่งที่มีแต่การแข่งขัน เอาตัวรอด ผู้เขียนไม่เข้าใจว่าทำไมการศึกษาของคนไทยมันถึงเริ่มถอยหลังเข้าคลองไปแล้วเช่นนั้น ผู้เขียนคิดว่าท่านผู้อ่านคงนึกภาพย้อนหลังถึงสมัยทีเราเรียนกันได้บ้างนะค่ะ หากอยู่ในรุ่นอายุ40ขึ้นไปจนถึงรุ่นพ่อแม่ปู้ย่าตายายเรานะค่ะ ว่าคนในสมัยก่อนเรียนมากกว่าคนในสมัยนี้ค่ะ ที่ผู้เขียนจำได้เพราะได้ประสบกับตนเองที่ได้สอนลูกสาวและอ่านหนังสือและเนื้อหาของการศึกษาสมัยใหม่มันหดหายไปหมด สังคมปัจจุบันการศึกษาเรามีแต่กิจกรรมมากกว่าเนื้อหาการเรียนการอบรมสั่งสอนความดีงาม ผู้เขียนเคยเรียนวิชาสังคมศึกษาสมัยก่อน อาจารย์จะให้ท่องสมบัติผู้ดีเป็นเล่มๆค่ะ วันละ10ข้อให้ฝังจำ ท่องก่อนเข้าห้องเรียน ส่วนภาษาอังกฤษก็จะให้ท่องศัพท์ใน dictionary วันละ5คำก่อนเข้าห้อง แต่ปัจจุบันมันเหลือไว้แต่ความทรงจำเท่านั้นนะค่ะ หากเราย้อนอดีตกับไป ผู้อ่านคงสงสัยว่าทำไมผู้เขียนถึงได้กล่าวถึงเหตุการณ์ภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นมาผสมประสานกับหลักการศึกษาสมัยก่อนได้อย่างไร ที่เชื่อมโยงสองเหตุการณ์นี้เข้าด้วยกันเป็นเพราะ มันมีรากลึกที่เชื่อมโยงกันอยู่ในวิถีการดำรงชีวิตค่ะ หากเรามีพื้นฐานของอดีตและสามารถใช้การดำรงชีวิตของคนสมัยก่อนพร้อมรู้เรื่องราวได้ นั้นคือการที่เราจะยืนหยัดสู้กับภัยธรรมชาติที่มันจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ค่ะ ผู้เขียนอยากให้ผู้อ่านทุกคนลองอ่านบทความนี้และช่วยกันไตร่ตรองดูกันนะค่ะ เพื่อว่าสิ่งที่ผู้เขียนได้แบ่งปันข้อมูลนี้อาจจะมีประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อยกันนะค่ะ สวัสดีค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น