วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2554

ความรักที่บริสุทธิ์

เช้ารับอรุณด้วยไออุ่นแห่งความรักที่อบอวลผู้เขียนข้อมอบสิ่งนี้ให้กับคุณผู้อ่านทุกคนค่ะ อย่าเพิ่งนึกว่าเช้านี้ผู้เขียนเกิดอะไรขึ้นถึงได้หวานเพียงเช่นนั้นนะค่ะ มันเป็นความรักที่เกิดขึ้นมากขึ้นทุกวันๆของตัวผู้เขียนเอง คุณผู้อ่านคิดละซิว่าผู้เขียนเกิดความรักขึ้นตอนแก่ ไม่ใช่หรอกค่ะมันเป็นความรักที่บริสุทธิ์ที่แม่มีให้กับลูกมากกว่า ยอมรับค่ะว่าความรักที่มีและมอบให้ลูกของเรา เรามีมากอยู่ในตัวของเราแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้รักเธอตัวน้อยมากขึ้นคือความภูมิใจที่เธอทำและมอบให้เราอย่างที่เจ้าตัวน้อยของฉันไม่รู้สึกตัวหรอกค่ะ ฉันภุมิใจในตัวลูกสาวนะค่ะที่เธอเป็นเด็กน่ารักตั้งแต่เกิด อ้วนจ้ำม้ำ แก้มแดง


เลี้ยงง่าย แต่พอเขาวัยสัก6ขวบดื้อค่ะแต่ก็ไม่ได้เกินงามไปซะเท่าไหร่ ฉันยังยอมรับได้นะค่ะ เป็นเรื่องปกติในการเลี้ยงลูก พอมาถึงวัยทีน 13-14 ช่วงนี้เปลี่ยนแปลงไปพอควรแต่อย่างที่ตัวผู้เขียนเคยบอกไว้ในบทความที่ผ่านมาว่าการเป็นแม่คนสมัยนี้ต้องใช้จิตวิทยาในการเลี้ยงลูกเพื่อให้ดีที่สุด ทั้งคุณพ่อคุณแม่สมัยนี้ต้องทำการบ้านมากขึ้นในการดูแลลูกให้เขาเติบโตขึ้นเป็นคนดีด้วยกันทั้งนั้น ส่วนตัวผู้เขียนเองก็เช่นกันเพียงเธอตัวน้อยของเราโตขึ้นเป็นคนดีของสังคม ของครอบครัว รู้จักดูแลตนเองได้ประพฤติดีงามนั้นก็คือของขวัญชิ้นใหญ่สำหรับเราแล้วนะค่ะ  ที่ผู้เขียนบอกไว้ตอนเริ่มต้นบทความว่าผู้เขียนได้รับความรักที่อบอวลในเช้านี้ก็เพราะเมื่อวานนี้ตอนที่ผู้เขียนได้ไปรับสาวน้อยคือลูกสาว ที่โรงเรียนสิ่งที่เธอบอกนับว่าเป็นข่าวดีอีกข่าวหนึ่งที่สาวน้อยของฉันได้สร้างความประทับใจให้อีกครั้งพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขและความดีใจของสาวน้อยของฉันก็คือ วันอาทิตย์ที่จะถึงสาวน้อยของฉันจะได้มีโอกาสขึ้นไปรับรางวัลจากตัวแทนของปลัดทางกระทรวงศึกษาธิการ ที่เธอได้ไปชนะการประกวดการแสดงระหว่างภาคกลางของทางโรงเรียนมาถึงจะได้รางวัลที่2ของทุกจังหวัดทางภาคกลางที่ไปแสดงที่จังหวัดอยุธยามาเมื่อหลายเดือนที่แล้ว พร้อมกับสิ่งที่เธอปลื้มคือการซ้อมแสดงละครของทางกรมศิลปากรที่ระหว่างการซ้อมจะได้รับคำชมจากอาจารย์กรมศิลฯทุกท่าน

เมื่อวานนี้ฉันเห็นสีหน้าของสาวน้อยของฉัน มันเป็นอะไรที่บอกไม่ถูกอย่างหนึ่งว่าฉันรักสาวน้อยตรงหน้าฉันมาก และนี้คือสิ่งสำคัญของชีวิตของฉันที่ทำให้ฉันยืนหยัดฝ่าฟันอุปสรรคใดๆทั้งปวงเพื่อสาวน้อยตรงหน้าฉันคนนี้ ตัวผู้เขียนคิดว่ามันไม่มีความรักใดเลยที่มันจะใสบริสุทธิ์เช่นนี้เท่ากับชีวิตที่สำคัญชีวิตหนึ่งที่เราหวงแหนมีความสุขนะค่ะ คุณผู้อ่านก็เป็นเช่นนั้นใช่ไหมค่ะ เวลาลูกยิ้ม หัวเราะ ผู้เป็นแม่ก็ยิ้มด้วยทั้งน้ำตา ว่าลูกเรามีความสุข แล้วอะไรหละค่ะที่จะสำคัญไปกว่านี้ ฉันยังจำภาพวันที่เธอเกิดแล้วค่อยๆลืมตามองหน้าฉันวันที่ฉันไปให้น้ำนมลูกในวันที่สองที่เธอลืมตามองดูฉันจากเสียงที่ฉันเรียกแก่ว่า ลืมตามองแม่ซิค่ะลูก ท่านมีความรู้สึกเช่นไรค่ะ คิดว่าน่าจะเป็นอะไรที่แบบแน่นๆหน้าอกเรากับภาพของตากลมโตค่อยๆลืมขึ้นมองหาเสียงนั้นใช่ไหมค่ะ และเราก็เฝ้าดูสาวน้อย หนุ่มน้อยค่อยๆเติบโตขึ้นมา อาจจะมีบ้าง ซน ดื้อ สาระพัดให้เราได้ปวดหัว แต่ความรู้สึกเช่นนั้นจะหายไปหมด เมื่อเราเห็นสาวน้อย หนุ่มน้อยเติบโตมาเป็นคนมีคุณค่าทางครอบครัว ทางสังคม ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน เท่านี้ตัวผู้เขียนคิดว่า คนที่เป็นพ่อแม่ก็ดีใจไม่มีอะไรมาเทียบได้แล้วนะค่ะ นั้นถือว่าเรามีบูยจริงๆที่เราได้รับเป็นขวัญล้ำค่ำที่สุดในชีวิตของเราแล้วนะค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น