วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ข้อควรรู้เมื่อต้องขับรถลุยน้ำท่วม

เมื่อต้องขับรถลุยน้ำ เราควรตรวจสอบหรือคะเนระดับน้ำคร่าวๆก่อน ว่ารถของเราสามารถผ่านไปได้หรือไม่ ถ้าไม่แน่ใจก็ไม่ควรขับผ่านไป ซึ่งถ้าเป็นรถเก๋งบ้านๆทั่วไป น้ำสูงประมาณ 5 - 10 ซม. ก็สามารถขับผ่านไปได้สบายๆ แต่ถ้าสูงกว่านั้นหรือสูงกว่าท่อไอเสืยก็ไม่น่าที่เสี่ยงขับผ่านไป
ข้อควรปฏิบัติขับรถช่วงน้ำท่วม
วิธีการขับรถลุยน้ำท่วม ที่ถูกวิธี
1. เมื่อขับรถลุยน้ำ ต้องปิดแอร์ ห้ามเปิดแอร์เด็ดขาด ในขณะขับรถลุยน้ำลึก หรือแม้จะน้ำตื้นก็ตาม เพราะสาเหตุที่รถดับ ส่วนใหญ่เกิดจากการเปิดแอร์แล้วขับลุยน้ำ เพราะว่า เมื่อเปิดแอร์ พัดลมจะทำงาน ทำให้ใบพัดจะพัดให้น้ำกระจายไปทั่วห้องเครื่อง แล้วทำให้เครื่องดับ แต่ถ้าโชคดี หรือโชคร้าย ถ้าเครื่องไม่ดับ ใบพัดก็จะหมุนๆ แล้วในขณะที่ลุยน้ำนั้น ก็อาจจะมีขยะต่าง ๆ เช่น กิ่งไม้ ถุงพลาสติก เศษกระดาษ เป็นต้น ขยะพวกนี้ มีโอกาสที่จะเข้ามาในห้องเครื่อง แล้วโดนใบพัดตัดจนใบพัดหัก ซึ่งถ้าใบพัดหัก แน่นอนว่า จะไม่สามารถขับรถต่อไปได้อย่างแน่นอน เพราะระบบระบายความร้อนจะมีปัญหา
2. ควรใช้เกียร์ต่ำ สำหรับรถเกียร์ธรรมดาไม่เกินเกียร์2 และรถยนต์เกียร์ ออร์โต้ ใช้เป็นเกียร์ รวมถึงการขับขี่ที่มีความเร็วต่ำที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ และควรใช้ความเร็วสม่ำเสมอ และต้องเลี้ยงรอบให้นิ่งที่สุดประมาณ 1,500 รอบ ต่อนาที  อย่าหยุดอย่าเร่งความเร็วขึ้น
3. ใช้ความเร็วต่ำสม่ำเสมอ ไม่ควรเร่งเครื่องให้รอบสูง ๆ เพราะจะทำให้รถมีความร้อนสูงขึ้น เมื่อเครื่องมีความร้อนสูงขึ้น ใบพัดระบายความร้อนก็จะทำงาน และสิ่งที่จะตามมาก็เหมือนกับข้อ 1 ไม่ต้องกลัวว่าน้ำจะเข้าท่อไอเสีย เพราะต่อให้น้ำจะท่วมท่อไอเสีย แล้วสตาร์ทรถอยู่ที่รอบเดินเบา แรงดันที่ออกมาเพียงพอที่จะดันน้ำออกมาอย่างสบาย ๆ ต่อให้จอดรถทิ้งไว้จนน้ำท่วมท่อไอเสียก็ตาม เมื่อสตาร์ทรถก็ยังติดแน่นอน สำหรับเครื่องหัวฉีด
4. ควรลดความเร็วลง เมื่อกำลังขับรถสวนกับอีกคันที่กำลังขับมา เพราะไม่งั้นจะกลายเป็นคลื่นชนคลื่น ซึ่งน้ำที่ปะทะระหว่างรถของเราและรถที่วิ่งสวนมา มันก็อาจทำให้น้ำกระเด็นไปทำอันตรายต่ออุปกรณ์ภายในได้
สิ่งที่ควรทำหลังจากขับรถลุยน้ำมา
1.สตาร์ทรถทิ้งไว้สักพัก ไม่ควรดับเครื่องทันที  ถึงแม้ถึงจุดหมายก็ตาม เพราะอาจมีน้ำค้างอยู่ในหม้อพักของท่อไอเสีย  ซึ่งจะสังเกตได้ว่า มีไอออกจากท่อไอเสีย ก็ไม่ต้องตกใจ ก็ให้สตาร์ทรถทิ้งไว้สักพัก เพื่อให้น้ำในหม้อพักมันระเหยออกไป เพราะถ้าไม่ทำอย่างนี้ มันอาจจะผุได้
2. รถเกียร์ ออร์โต้ ควรย้ำเบรก เพื่อไล่น้ำออกก่อน พยายามย้ำเบรกเพื่อไล่น้ำ เพราะในช่วงแรก ๆ หลังจากการลุยน้ำลึกมา มันจะเบรกไม่อยู่ และเป็นอันตรายมาก ถ้าไม่ทำการย้ำเบรกเพื่อไล่น้ำออกจากระบบเบรก
3. สำหรับรถเกียร์ ธรรมดา ให้ย้ำเบรกและย้ำครัช  ต้องมีการย้ำคลัชเช่นเดียวกับการย้ำเบรก เพราะหลังการลุยน้ำมา อาจมีปัญหาคลัชลื่น จึงต้องทำทั้งย้ำคลัชและย้ำเบรก 

4. เปิดประตูและกระจกออกให้กว้าง เพื่อให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก และมีอากาศถ่ายเทได้อย่างดีที่สุด เพื่อป้องกันกลิ่นอับชื้น และเชื้อราที่จเกิดขึ้นในรถ

 5. แนะนำให้เปิดฝากระโปรงรถ เพื่อสำรวจให้มั่นใจว่าไม่มีเศษอะไรมาติดอยู่ในตัวเครื่องยนต์ รวมถึงตรวจเช็คชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ในตัวถัง พร้อมทั้งสายไฟในบริเวณต่างๆ ว่ายังอยู่ในสภาพที่สามารถใช้งานได้ 

 6. อย่าพ่วงไฟ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า ไม่มีระบบไฟฟ้าลัดวงจรที่จะก่อให้เกิดความเสียหายกับระบบเครื่องยนต์ และระบบไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ
 7. ทำความสะอาดรถยนต์ โดยเฉพาะภายใน แนะนำให้ทำความสะอาดภายในรถยนต์อย่างละเอียด ตั้งแต่การถอดพรมปูพื้น การซักทำความสะอาดเบาะ (ในกรณีที่เป็นเบาะผ้า) รวมถึงการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรคในฟิลเตอร์เครื่องปรับอากาศ เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพของอากาศที่จะหมุนเวียนในรถเมื่อเราเปิดแอร์
8. นำรถเข้าศูนย์ให้เร็วที่สุด ให้ผู้เชี่ยวชาญได้ทำการตรวจสอบสภาพรถอย่างละเอียด รวมถึงการเปลี่ยนถ่ายน้ำยาแอร์ น้ำมันเครื่อง น้ำมันเฟืองท้าย รวมถึงน้ำมันรถในถัง ที่อาจจะเกิดการเสื่อมคุณภาพจากการถูกน้ำท่วมขังเป็นเวลานานอีกด้วย



เอกสารอ้างอิง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น