วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ความสมัครสมานสามัคคี ฝ่าวิกฤติมหันตภัยน้ำท่วม ความสามัคคีของนกกระจาบ

ในภาวะวิกฤติมหันตภัยน้ำท่วมที่ไปแทบทุกพื้นที่ ความสมัครสมานสามัคคีกันมีความจำเป็นอย่างมาก ความสามัคคีจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยความเสียสละความอดทนความมีน้ำใจเห็นใจกันของเรา และของทุกๆคนด้วย ความสามัคคีจะทำให้เราฝ่าวิกฤติไปได้ กำลังใจของเราทุกคนต้องมอบให้แก่กันเพื่อจะฟันฝ่าภัยพิบัติไปได้ด้วยดี ขอเป็นกำลังใจให้นะค่ะ 
ถ้าแตกความสามัคคี ซึ่งมีสาเหตุมาจากการทะเลาะเบาะแว้งกันนั้นย่อมทำให้เกิดความวอดวายเสียหายติดตามมาอย่างมากมาย เมื่อก่อนก็ยังมีความสมัครสมานสามัคคีกัน ก็สามารถจะเอาตัวรอดปลอดภัยได้รับความสวัสดี แต่เมื่อมีการทะเลาะเบาะแว้งกันแล้วก็จะถึงความพินาศย่อยยับไปด้วยกัน ในเรื่องนี้มีเรื่องนกกระจาบเป็นตัวอย่างดังต่อไปนี้
เล่ากันมาว่า ในอดีตกาล เมื่อครั้งพระโพธิสัตว์บังเกิดในกำเนิดนกกระจาบ มีนกกระจาบหลายพันเป็นบริวารอยู่ในป่า พรานนกคนหนึ่งได้ไปยังที่นั่นแล้วทำเสียงร้องเหมือนนกกระจาบ พอรู้ว่านกรวมตัวกันแล้วก็ได้ทอดตาข่ายไปข้างบนนกเหล่านั้น แล้วกดที่ชายรอบๆทำให้นกทั้งหมดมารวมกัน แล้วนำเอากลับไปบ้าน ขายเลี้ยงชีพ อยู่มาวันหนึ่ง พระโพธิสัตว์ได้กล่าวกับนกกระจาบพวกนั้นว่า พรานนกนั้นทำพวกญาติของเราให้ถึงพินาศเป็นจำนวนมาก เรารู้วิธีที่จะทำให้พรานนกจับพวกเราไม่ได้ จากนี้ไปเมื่อพรานนกทอดข่ายลงมา ขอให้ท่านแต่ละตัวจงสอดหัวเข้าตาข่ายตาหนึ่งๆพากันยกตาข่ายขึ้นแล้วพาบินหนีไปแล้วพลาดลงบนพุ่มไม้มีหนาม แล้วพากันหนีออกไปทางด้านล่างนกกระจาบทั้งหมดพากันรับคำแล้ว ในวันที่ ๒ เมื่อพรานนกทอดข่ายลงเบื้องบน ก็พากันยกข่ายขึ้นตามคำแนะนำของพระโพธิสัตว์แล้วนำไปพาดลงบนพุ่มไม้มีหนามแห่งหนึ่งแล้วพากันหนีออกไปทางด้านล่าง
                ในวันนั้น กว่าพรานนกจะปลดตาข่ายออกจากพุ่มไม้เสร็จก็เป็นเวลามืดค่ำแล้ว พรานนกนั้นจึงได้กลับบ้านมือเปล่า จากนั้นมานกกระจาบเหล่านั้นยังพร้อมเพรียงกันใช้วิธีการนั้นอยู่เหมือนเดิม ทำให้พรานนกนั้นกลับบ้านมืดค่ำทุกๆวันทั้งยังไม่มีอะไรติดไม้ติดมือกลับบ้านอีกด้วย จนถูกภรรยาต่อว่าต่างๆนานาหาว่า คงจะไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยให้การเลี้ยงดูอยู่เป็นแน่พรานนกได้ชี้แจงแก่ภรรยาแล้วพูดปลอบใจว่า จะหาทางจัดการนกเหล่านั้นให้ได้ในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน
                จากนั้นมาเพียง ๒-๓ วัน นกกระจาบตัวหนึ่งเมื่อจะบินลงยังที่หากินยังไม่ทันได้พิจารณาได้เหยียบถูกหัวนกกระจาบตัวหนึ่ง นกกระจาบตัวนั้นโกรธจึงกล่าวว่า ใครเหยียบหัวเราแม้นกตัวที่เหยียบจะบอกว่า ไม่ได้ตั้งใจก็ยังถือโกรธอยู่นั่นแหละ ทำให้นกกระจาบหลายตัวเกิดทะเลาะกันและขยายวงกว้างออกไปเป็นลำดับ เมื่อเป็นเช่นนี้ พระโพธิสัตว์คิดว่า ขึ้นชื่อว่าการทะเลาะกันย่อมไม่มีความปลอดภัย จากนี้ไป นกกระจาบเหล่านี้จะไม่ช่วยกันยกข่ายแล้วจักถึงความวอดวายอย่างแน่นอน นายพรานนกจักได้โอกาส เราจะอยู่ในที่นี้ไม่ได้อีกแล้ว จึงพาบริวารไปอยู่ที่อื่น ต่อมานายพรานนกก็มาแล้วร้องเหมือนเสียงนกกระจาบ ซัดข่ายไปคุมนกกระจาบเหล่านั้น ทีนั้น นกกระจาบตัวหนึ่งพูดขึ้นว่า เขาว่าท่านเท่านั้นที่ยกข่ายขึ้นจนขนหัวร่วง บัดนี้ ท่านจงยกขึ้นนกกระจาบอีกตัวหนึ่งพูดขึ้นว่า เขาว่าท่านมัวแต่ยกข่ายขึ้นจนขนปีกสองข้างหลุดร่วงไป บัดนี้ ท่านจงยกขึ้นเมื่อนกกระจาบเหล่านั้นมัวแต่เกี่ยงกัน ไม่มีตัวไหนยกข่ายขึ้น นายพรานนกมารวบเอาข่ายให้นกกระจาบเหล่านั้นมารวมกันแล้วใส่เต็มกระเช้ากลับไปบ้าน

                ในเรื่องนี้ แสดงให้เห็นถึงความสามัคคีว่ามีอานุภาพมาก สามารถที่จะให้บุคคลผู้มีความสมัครสมานสามัคคีพร้อมเพรียงกันปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ ได้ แต่หากแตกความสามัคคีกัน ก็จะทำให้ได้รับความพินาศเสียหายเหมือนฝูงนกระจาบดังกล่าวมาแล้วนั่นเอง




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น